———————-สารจากผู้อำนวยการสร้าง เรย์มอนด์ หว่อง———————–

ช่วงสิ้นปี 2008 ก่อนที่ Ip Man ภาคแรกจะออกฉายทั่วประเทศ ไม่มีใครคิดว่าหนังจะสร้างปราฏการณ์ได้ถึงขนาดนี้ (ไม่ได้มาฉายในไทย) หนังทำเงินในเกาะฮ่องกงได้มากกว่า 25 ล้านเหรียญ ในขณะเดียวกันยอดสุดท้ายในประเทศจีนก็ทะลุ 100 ล้านหยวน หนังกังฟูเรื่องนี้สร้างปรากฏการณ์ทั่วทั้งเอเชีย และพวกเราก็รู้ว่าได้สร้างตำนานเพลงหมัดหย่งชุนบทใหม่ขึ้นมา

ในปี 2009 Ip Man ได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและการออกแบบการต่อสู้ยอดเยี่ยม จาก ฮ่องกง ฟิลม์ อวอร์ด รวมถึงรางวัลอีกมากมายบนจีนแผ่นดินใหญ่ ความสำเร็จในรายได้และในแง่วิจารณ์ไม่เพียงแต่เป็นแรงบันดาลใจให้กับทีมงานทุกคน แต่ก็ทำให้ทุกคนมองหาโอกาสในการสืบสานเรื่องราวต่อ

มีหลายคนรู้สึกว่าหนังภาคต่อมักเทียบกับภาคแรกไม่ได้ ดังนั้นช่วงระหว่างการสร้างสรรค์เรื่องราวของภาคสอง ทีมงานของพวกเราจึงได้มุ่งหวังที่จะทำลายความคิดนี้ พวกเราพยายามทำให้ภาคสองดีกว่าภาคแรก เราค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมมากขึ้น และมีทีมนักแสดงที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม

ผมคิดว่าเรื่องราวใน Ip Man 2 มีความเข้มข้นมากขึ้น และทวงท่าการต่อสู้ก็มีความหลากหลายมากกว่าเดิม การที่จะผลักดัน Ip Man 2 ให้ขึ้นไปอีกระดับนึง พวกเราเชื่อว่า Ip Man II จะเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าภาคแรก และเราหวังว่าผู้ชมจะรู้สึกพอใจกับเรื่องราวของ อาจารย์ยิปมัน ที่ถูกสานต่อในครั้งนี้

———————————-สารจากผู้กำกับ วิลสัน ยิป———————————-

ในภาษาจีน คำว่า “ศิลปะการต่อสู้” ประกอบไปด้วยตัวหนังสือสองตัวที่ มีความหมายว่า “หยุด” และ “สงคราม” ในจิตวิญญาณของศิลปะการต่อสู้ของประเทศจีน (วูซู) นั้นก็คือการหยุดสงคราม ไม่ใช่การต่อสู้ ไม่ใช่การเอาชนะหรือแพ้ หากแต่คือความเชื่อในหลักคำสอนของ ขงจื๊อ ที่ว่า “มุ่งหวังเพื่อเป็นกลาง ต่อสู้เพื่อความสงบสุข”

จุดประสงค์ของการเรียนศิลปะการต่อสู้จีนนั้น ไม่ใช่การเรียนเพื่อต่อสู้หรือเอาชนะหนึ่งหรือสองครั้ง หากแต่เป็นการกำจัดความรุนแรง และความเข้าใจผิดในตัวเองและผู้อื่น เพื่อที่จะได้เรียนรู้ในการแบ่งปันและเคารพซึ่งกันและกัน การเอาชนะไม่ได้หมายถึงการเอาชนะภายนอกเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถเอื้อมไปถึงอีกระดับ นั้นก็คือการชนะโดยไม่ต้องสู้ พวกเราสามารถเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ได้จากชีวิตของ อาจารย์ยิปมัน

ยิปมัน ที่เราต้องการให้คนดูเห็น ไม่ใช่ตัวละครที่ชอบปลีกตัววิเวก หรือว่าเป็นคนที่สูงส่งจนเอื้อมไม่ถึง แต่เขาเป็นเพียงอาจารย์มวยที่อยู่ท่ามกลางพวกเรา เขาต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากต่างๆนาๆ และมุ่งหวังที่จะเอาชีวิตรอด พวกเราสามารถเรียนรู้การเคารพ ความอดทน และความนอบน้อมของ อาจารย์ยิปมัน

—————————————-แนะนำตัวละคร————————————–
ยิปมัน (รับบทโดย ดอนนี่ เยน)

หลังจากการยึดครองของญี่ปุ่น ยิปมัน ภรรยาและลูกชายลี้ภัยมายังฮ่องกง เขาวางแผนที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ ยิปมัน สอนมวยหยุ่งชุนเพื่อเลี้ยงชีวิต เขาเปิดโรงเรียนสอนมวยบนดาดฟ้า จากความช่วยเหลือของเพื่อน ไม่นานนักหนึ่งในลูกศิษย์ของเขาก็ถูกจับตัวโดยนักเลงประจำตลาดค้าปลา ยิปมัน จึงตัดสินใจบุกเข้าไปเพื่อช่วยเหลือเพียงลำพัง ซึ่งกลับกลายเป็นว่า นี่คือถิ่นของอาจารย์มวยชื่อดังอย่าง อาจารย์หง หลังจากประลองฝีมือกันทั้งสองก็ให้การยอมรับซึ่งกันและกัน ต่อมาเมื่อมวยฝรั่งได้เหยียดหยามศิลปะการต่อสู้ของจีน ยิปมัน จึงตัดสินใจครั้งสำคัญโดยการก้าวขึ้นไปบนเวที และต่อสู้ในฐานะตัวแทนของคนจีนทุกคน

อาจารย์หง (รับบทโดย หงจินเป่า)

หงชุนนาม เป็นยอดฝีมือที่เชี่ยวชาญเพลงหมัดสกุลหง เขาเป็นคนที่ยึดมั่นในหลักของเกียรติและความยุติธรรม เขามีชื่อเสียงในแวดวงหมัดมวยและควบคุมตลาดค้าปลา อย่างไรก็ตามเพื่อความอยู่รอดเขาจำต้องทำงานภายใต้กฏรระเบียบของชาวต่างชาติ เขาและ ยิปมัน ขัดแย้งดันในตอนแรก ถึงแม้ทั้งสองจะมีแนวทางการใช้ชีวิตที่ต่างกัน แต่ทั้งคู่ก็นับถือซึ่งกันและกัน หลังจากความอับอายบนสังเวียนต่อสู้ อาจารย์หง ก็ตัดสินใจที่ปกป้องชื่อเสียงของศิลปะการต่อสู้จีน

หวังหลุง (หวงเสี่ยวหมิง)

หวังหลุง ชื่นชอบกังฟูและเคยเรียนมวยตะวันตกมาก่อน เขาเป็นนักเรียนกังฟูที่มีพรสวรรค์ เขานับถือ อาจารย์ยิปมัน และเพลงหมัดหย่งชุนอย่างมาก เขาพร้อมที่จะทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเดินตามรอย ยิปมัน แต่ด้วยความที่เป็นคนเลือดร้อน เขาจึงไปมีปัญหากับนักเลงเจ้าถิ่น ซึ่งเป็นศิษย์ของ อาจารย์หง จนทำให้ ยิปมัน ต้องเข้ามาช่วยให้เขาหนี เขาพยายามที่จะปกป้องเกียรติของคนจีนบนเวที แต่ก็ต้องพบกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเกินกว่าที่เขาจะต้านทางได้

ชุงหย่งชุน (รับบทโดย สงไต้หลิน)

ชุงหย่งชุน และลูกของเธอติดตาม ยิปมัน มายังฮ่องกงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เธอพบว่าตัวเองตั้งท้องลูกคนที่สองหลังจากมาถึง ด้วยความจำเป็นในการจ่ายค่าเรียนให้ลูกชาย ครอบครัวก็พบกับความขัดสนจนเธอต้องช่วยทำงาน ตั้งแต่ ยิปมัน ไปเปิดโรงเรียนสอนมวยบนดาดฟ้า เธอก็เฝ้ามองด้วยความเป็นห่วง รวมถึงการมีเรื่องกับแก๊งค์เจ้าถิ่นและการต่อสู้บนสังเวียน แต่ถึงแม้ ชุงหย่งชุน กลัวว่าจะสูญเสียสามี แต่เธอก็เข้าใจว่า ยิปมัน ต้องสู้เพื่อศักดิ์ศรี และเธอก็พร้อมที่จะสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่

คามซานเชา (รับบทโดย ฟานซิ่วหว่อง)

เขาเรียนรู้จากความผิดในการต่อสู้กับ ยิปมัน ในโรงงานฝ้ายจากภาคแรก คาม ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนตัวเอง และเลิกเป็นนักเลง เขาออกจากเมืองฝอซาน และทำงานอย่างสุจริตในเกาะฮ่องกง เขาและแก๊งค์ของตัวเองทำงานในตลาดค้าปลาเพื่อหาเลี้ยงชีพ ซึ่งทำให้เขาพบกับ ยิปมัน อีกครั้ง และตัดสินใจเข้าช่วยในตอนที่ ยิปมัน กำลังพาลูกศิษย์หนีจากแก๊งค์เจ้าถิ่น ซึ่งก็ทำให้ ยิปมัน รู้สึกซาบซึ้งน้ำใจของคนที่เขาเคยมีเรื่องบาดหมางด้วย

เฉิงไวเคย (รับทโดย โทเย่อหง)

เฉิง คือศิษย์เอกของ อาจารย์หง เป็นคนที่มีอำนาจรองจาก อาจารย์หง เขาเป็นคนเย่อหยิ่ง เพราะประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย เขามักรังแกผู้อื่นในตลาดค้าปลา จนไปมีเรื่องกับ หวังหลุง แต่ก็พ่ายแพ้กลับมา เขาตัดสินใจแก้แค้นด้วยการลักพาตัว หวัง ซึ่งทำให้ ยิปมัน รีบเข้าไปช่วย อาจารย์หง เลี้ยงดูเขาเหมือนลูกในไส้ ซึ่งเขาก็ตอบแทนด้วยความจงรักภักดี และพร้อมที่จะสละชีวิตให้กับอาจารย์ของเขา

โจวชิงฉวน (รับบทโดย เยิ่นต๊ะหัว)

โจว เป็นเพื่อนสนิทของ ยิปมัน ตั้งแต่ภาคแรก เขาเป็นคนช่วยครอบครัวยิปมัน ให้หนีออกจากเมืองฝอซาน แต่ก็ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการหลบหนี เขากลายเป็นคนเสียสตินับตั้งแต่นั้น เขาอาศัยอยู่กับลูกชาย ด้วยความที่เขาสูญเสียความทรงจำและจำใครไม่ได้ เราจึงเห็นเขาเดินเร่ร่อนไปบนท้องถนน ยิปมัน พยายามอย่างเต็มที่ในการช่วยเหลือพ่อลูกทั้งสองให้อยู่รอดปลอดภัย

ทวิสเตอร์ (รับบทโดย ดาร์เรน ชาร์ราวิ)

ทวิสเตอร์ คือนักมวยที่มีอันดับของโลก เขาได้รับฉายานี้ เพราะมีพลังหมัดที่สามารถฆ่าคนได้เขาเดินทางมาฮ่องกงเพื่อร่วมการประชันฝีมือและกลายเป็นผู้ชนะเลิศ เขาคิดว่าศิลปะการต่อสู้แบบจีนคือปาหี่ และตัดสินใจท้าสู้กับอาจารย์มวยทุกคน ทวิสเตอร์ ประกาศบนเวทีว่าชาวจีนคนไหนที่กล้าพอก็ขอให้ขึ้นมาบนเวที ซึ่งทำให้ ยิปมัน ตัดสินใจที่จะทำอะไรบางอย่าง

หนังบู๊หมัดๆ มวยๆ ที่ดูแล้วน่าจะถูกใจคอหนังจีน “ยิปมัน2″ กำหนดฉาย 29 เมษายนนี้