"อส."คายยิงขวัญชัย "ร้อยตรี" นำทีมกับอีก5จ่า เคยร่วมงานชุดฉก.3จว.ใต้ ออกหมายจับยกแก๊งมีสี

ทำแผนชี้จุดลั่นไก-เปิด3รีสอร์ต สารภาพสิ้น-อาก้าทิ้งน้ำที่ชัยภูมิ

หมายจับทีมยิงขวัญชัยอีก 6 มีร.ต.นำทีม พร้อมจ่าและนายสิบอีก 5 คุมตัว"อส.มะดือนัง" ทำแผนทั่วอุดรฯ ชี้จุดเปิด รีสอร์ต 3 แห่ง ผู้ต้องหาสารภาพสิ้น ตั้งแต่จุดที่พัก แล้วออกไปลงมือยิง รวมถึงเส้นทางหลบหนี โดยมีผู้หมวดเป็นหัวหน้าทีม แต่กลับไปก่อน รับงานเพราะสนิทกัน สมัยร่วมงานชุดเฉพาะกิจใน 3 จว.ใต้ ลูกขวัญชัยเผยพ่อดีใจมากที่ตร.จับคนร้ายได้ โทร.ถามสถานการณ์ตลอด



ทีมสังหารขวัญชัยสารภาพสิ้นไส้

จากกรณีคนร้ายลอบยิงนายขวัญชัยสาราคำ หรือไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร แกนนำ นปช.ภาคอีสาน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ความคืบหน้าในคดีหลังสืบทราบว่ากลุ่มคนร้ายเป็นจ่ามีสีจากหน่วยงานในภาคตะวันตก จนสามารถจับกุมคนร้ายร่วมทีมสังหารได้แล้ว 1 ราย โดยนำตัวมาสอบปากคำและเตรียมทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ จ.อุดรธานี ตามข่าว

ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 8 ก.พ. ที่กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 24 ค่ายเสนีย์รณยุทธ์ ถ.อุดรฯ-สกลนคร ต.หนองบัว อ.เมือง จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นที่คุมขังชั่วคราว ผู้ต้องหาคนสำคัญในคดียิงนายขวัญชัย ไพรพนา คือนายมะดือนัง มะแซ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78 ม.6 ต.สาวอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และเป็น อส.ประจำ อ.รือเสาะ หลังจากถูกคุมตัวมาจาก จ.นราธิสาส โดยเครื่องบินของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเย็นวันที่ 7 ก.พ. และนำตัวไปสอบสวนนานกว่า 3 ชั่วโมง จนผู้ต้องหาเปิดปากรับสารภาพหมดเปลือกว่า รับจ้างลูกพี่ที่มียศเป็นจ่า 3 คน ซึ่งสังกัดอยู่แถวภาคตะวันตก และเคยไปประจำการอยู่ที่ จ.นราธิวาส โดย ผู้ต้องหารายนี้เป็น อาสาสมัครฯ หรือ อส. โดยร่วมงานกับคนกลุ่มนี้มานานจนสนิทสนม และเคยร่วมงานยิงคนร้ายมาด้วยกันหลายคดี โดยอาสามายิงขวัญชัยตามคำสั่งลูกพี่จ่าทั้ง 3 คน



ผบช.ภ.4 คุมตัวทำแผน

จากนั้นเวลา 09.00 น. พล.ต.ท.อนุชัย เล็กบำรุง ผบช.ภ.4 พล.ต.ท.สุรพล พินิจชอบ รอง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า ผบก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.ยรรยง เวชโอสถ รอง ผบก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.ณัฐนนท์ ประชุม ผกก.สส.ภ.4 พ.ต.ท.ชาญณรงค์ มากพิสุทธิ์ รอง ผกก.สส.ภ.4 เดินทางมาสอบสวนปากคำนายมะดือนังเพิ่มเติมอีกประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาเดินทางไปทำแผนประกอบคำสารภาพ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาซึ่งตัดผมเกรียนสวมชุดเสื้อยืดแขนสั้นสีเขียว สวมกางเกงขาสามส่วนน้ำเงิน รองเท้าแตะสีน้ำเงิน สวมเสื้อเกราะสีดำขึ้นรถออกจาก ค่ายเสนีย์รณยุทธ์ โดยมีรถสายตรวจนำหน้า และปิดท้ายขบวนรวม 5 คัน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยอำนวยความสะดวกในจุดทำแผน ประกอบด้วย พ.ต.อ.โกวิท เจริญวัฒนศักดิ์ ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.อ.ชวนชัย ชนะบัว พงส.สบ.4 พร้อมพนักงานสอบสวน ท่ามกลางประชาชนที่มาดูการทำแผนกว่า 300 คน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้โทรโข่งประกาศให้ชาวบ้านที่มารอดูการทำแผนให้อยู่ในความเรียบร้อยอย่ากรูเข้าทำร้ายประชาทัณฑ์ผู้ต้องหา



ตั้งแต่รีสอร์ตที่พัก

จุดแรก เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาไปชี้จุดที่ บายพาสรีสอร์ต ถ.บายพาส ขาเข้า จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นจุดที่จ่า 3 คนพานายมะดือนังเดินทางมากับรถกระบะโตโยต้าวีโก้ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียนของหน่วยงานแห่งหนึ่ง และเข้าพักที่ รีสอร์ต เพื่อเปลี่ยนป้ายเป็นป้ายทะเบียนปลอมของจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อตบตาช่วงลงมือ จุดนี้มีการเข้าพัก 4 คน โดยเปิดห้องพัก 3 ห้อง ประกอบด้วยห้องหมายเลข บี 9 บี 11 และบี 13 โดยใช้เป็นที่พัก และนำกระดาษเอ 4 มาปรินต์เลขทะเบียนปลอมปิดทับทะเบียนจริง พร้อมทั้งวางแผนลงมือยิงด้วยปืนอาก้า 2 กระบอกที่จ่ามีสีจัดหามา จากนั้นก็มีการติดต่อกับจ่าอีก 2 คนที่เข้าพักที่ ริมน้ำรีสอร์ต ตรงข้ามบ้านพักนายขวัญชัย ที่คอยเฝ้าสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหว เพื่อส่งสัญญาณความพร้อมในการลงมือเข้าจุดสังหาร

โดยพนักงานสอบสวนได้นำตัวนายมะดือนังมาชี้จุดที่กลุ่มคนร้ายวางแผนในการลอบยิงรวมถึงห้องที่กลุ่มคนร้ายใช้พักรถและใช้นำอาวุธมาเก็บซ่อนไว้ที่ห้องพักหมายเลขบี 13 ซึ่งระหว่างการทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้น ผู้ต้องหาให้การว่า มีเพื่อนที่ร่วมก่อเหตุเป็นคนโทร.สั่งอาหารจนกระทั่งมีพนักงานเสิร์ฟนำอาหารมาให้ และเป็นพยานสำคัญพบเห็นนายมะดือนังพร้อมกับพวก พร้อมทั้งให้ชี้จุดที่ทำเปลี่ยนป้ายทะเบียนรถ ก่อนที่จะนำรถกระบะดังกล่าวมาใช้ก่อเหตุ



จุดลั่นไกถล่มเหยื่อ

ต่อมาเวลา 11.30 น. พล.ต.ท.อนุชัยพร้อมเจ้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้ควบคุมตัวนายมะดือนังมาทำแผนบริเวณจุดที่พบปลอกกระสุนบริเวณริมรั้วบ้านพักของนายขวัญชัย โดยพนักงานสอบสวนได้ให้นายมะดือนังแสดงท่าทางระหว่างที่หลบอยู่ใต้ผ้าใบหลังรถกระบะตอนเกิดเหตุ จากนั้นให้ทำท่าทางใช้อาวุธปืนยิง โดยทิศทางพุ่งตรงไปที่บ้านของนายขวัญชัย พร้อมชี้จุดที่มีเพื่อนร่วมก่อเหตุยืนอยู่หลังกระบะด้วยกันและผู้ร่วมก่อเหตุอีกหนึ่งนายบริเวณด้านข้างคนขับรถกระบะที่เปิดประตูลงมาดูหลังก่อเหตุก่อนขึ้นรถกระบะคันดังกล่าวหลบหนีไป

เวลา 12.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหามาที่เรือนทิวา รีสอร์ต ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อชี้จุดที่กลุ่มผู้ร่วมขบวนการนำรถกระบะ 2 คัน ได้แก่ รถกระบะโตโยต้าวีโก้ สีบรอนซ์ทองจอดพักไว้ที่ห้องพยอม และรถกระบะโตโยต้าวีโก้ สีบรอนซ์เงิน จอดพักไว้ที่ห้องพยูง โดยนายมะดือนังไม่ได้เข้าพัก เพราะมีคนในกลุ่มเห็นว่าไม่ปลอดภัย จึงได้กลับไปพักที่เดอะบายพาสรีสอร์ต 

ทั้งนี้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี จะนำตัวนายมะดือนังไปฝากขังที่ศาลจังหวัดอุดรธานี ภายหลังจากการทำแผนประกอบคำรับสารภาพบริเวณดังกล่าวต่อไป



สารภาพทุกขั้นตอนลงมือ

สำหรับการทำแผนประกอบคำสารภาพเริ่มจากคนร้าย 4 คน เช็กเอาต์ออกจากบายพาสรีสอร์ต แล้วเดินทางออกมาด้วยรถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้สีบรอนซ์ทอง สวมทะเบียนปลอม จ.ร้อยเอ็ด โดยมี 2 คนอยู่ตอนหน้า ขณะที่ผู้ต้องหาและจ่าแม่นปืนอีกคนนอนราบที่กระบะท้ายมีผ้าใบคลุม พร้อมอาวุธปืนอาก้า 2 กระบอก เมื่อรถขับมาใกล้จุดยิง มีจ่าอีก 2 คนซึ่งพักอยู่ที่รีสอร์ต ริมน้ำ ตรงข้ามบ้านนายขวัญชัย ส่งสัญญาณให้ลงมือยิง 

หลังได้รับสัญญาณคนขับได้จอดรถริมถนนติดรั้วบ้านนายขวัญชัย ส่วนคนที่นั่งมาด้วยก็ลงมาจากรถด้านหน้าคู่คนขับเพื่อชี้เป้า จากนั้นจ่าแม่นปืนได้ประทับอาก้าพาดกระบะรถเล็งเป้าแล้วก็ลั่นไกแบบทีละนัดเข้าหาเป้าอย่างแม่นยำ กระสุนนัดแรกถูกนายขวัญชัย และนัดที่สองสามสี่ห้า ถูกที่หัวเข่า ส่วนนายมะรือนังเป็นคนยิงซ้ำแบบออโต้จนหมดแม็ก โดยมีจ่าที่ทำหน้าที่ชี้เป้าคอยดูว่าเหยื่อล้มลงให้ยิงซ้ำเป็นชุด แล้วจึงวิ่งกลับไปขึ้นรถขับหลบหนีไป โดยที่มือปืนทั้งสองคนก็นอนราบลงกับกระบะท้ายใช้ผ้าคลุมทับปิดอำพรางเอาไว้ จากนั้นทั้งหมดก็พากันหลบหนีไป โดยมีรถกระบะโตโยต้าวีโก้ สีบรอนซ์เงินของ 2 จ่า ที่มาทำหน้าที่จับตาความเคลื่อนไหวของเหยื่อขับนำหน้าไป 



แฉเส้นทางหลบหนี

ส่วนเส้นทางหลบหนีได้ขับไปด้วยกันตามเส้นทาง สี่แยกบ้านสามพร้าว ผ่านหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี วิทยาเขตสามพร้าว ตรงไปเลี้ยวขวาเข้าเขตต.ดอนกลอย อ.หนองหาน โดยรถคันที่พามือปืนได้หลบเข้าที่เปลี่ยวเพื่อให้มือปืนลงจากกระบะท้ายเข้ามานั่งในแค็บท้ายทั้งสองคน แล้วเข้า สู่ถนนใหญ่สายอุดรฯ-สกลนคร โดยรถคันแรกทำหน้าที่ดูต้นทางขับหลบหนีไปทางจ.สกลนคร ส่วนรถของทีมสังหารขับย้อนกลับเข้ามาในตัวเมืองอุดรฯ มุ่งหน้าเข้าสู่จ.หนองบัวลำภู อ.ศรีบุญ เรือง อ.ชุมแพ และมุ่งหน้าผ่านจังหวัดชัยภูมิ

โดยรถทั้งสองคันนัดหมายเข้าไปพบกันที่จุดนัดหมายในจ.แห่งหนึ่งแถวภาคตะวันตกเพื่อแบ่งเงินค่าจ้าง ซึ่งนายมะดือนังได้เงินครั้งแรก 3 พันบาท ครั้งสองก่อนหลบหนีอีก 5 พันบาท ที่เหลือยังไม่ได้รับเพราะทำงานพลาด แล้วมีคนมารับไปส่งขึ้นรถทัวร์ปรับอากาศ หลบหนีไปซ่อนตัวที่อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส จนถูกตามจับกุมตัวไว้ได้ดังกล่าว



อนุชัยเผยทีมยิงมี 7 คน

พล.ต.ท.อนุชัยให้สัมภาษณ์หลังการทำแผนว่า ทางภาค 4 ก็ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนในการดูแลของพล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง ผบก.กก.ภ.จว.อุดรฯ กับทีมงาน ภายใต้การควบคุมของพล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา รอง ผบช.ภาค 4 สำหรับความคืบหน้านั้น เมื่อวานนี้ทีมงานก็ได้จับกุมนายมะดือนัง ซึ่งเป็นอส.ของจ.นราธิวาสได้ที่บ้านพัก พร้อมอาวุธปืนอาก้า ซึ่งขณะนี้ได้ส่งอาวุธปืนให้ทาง ตชต.ได้ทำการพิสูจน์ว่ามีความเชื่อมโยงการสังหารนายขวัญชัยหรือไม่ และจากการสอบสวนนายมะดือนังให้การรับสารภาพว่า ได้เป็นทีมงานที่ล่าสังหารนายขวัญชัย

"ในวันนี้จึงได้นำตัวไปชี้ที่เกิดเหตุประ กอบคำรับสารภาพตามขั้นตอน ตั้งแต่การเดินทางเข้ามาที่อุดรฯ จนถึงวันที่เดินทางไปที่หน้าบ้านนายขวัญชัย แล้วใช้อาวุธสงครามยิง นายขวัญชัย ซึ่งจากการสอบสวนก็สอดคล้องกับคำให้การรับสารภาพของผู้ต้องหาทุกอย่าง และจากหลักฐานพยานต่างๆ ก็บ่งชี้ว่าผู้ต้องหารายนี้ได้กระทำความผิดจริง และขณะนี้ก็อยู่ในขั้นตอนการสอบสวนขยายผล หาผู้ที่ร่วมกระทำผิดที่เหลืออยู่ ซึ่งจากที่รวบรวมได้พบว่ามีผู้กระทำผิดในครั้งนี้รวม 7 คน รวมทั้งนาย มะดือนังด้วย" พล.ต.ท.อนุชัยกล่าว



อส.มือยิงรับค่าจ้าง 8 พันบาท

พล.ต.ท.อนุชัยกล่าวอีกว่า สำหรับผู้กระทำผิดในครั้งนี้ก็มีนายมะดือนังที่เป็นคนนราธิวาส ส่วนที่เหลือจะเป็นคนจากภาคใต้หรือไม่นั้นก็อยู่ในขั้นตอนของการสอบสวนอยู่ ส่วนที่เขาใช้อาวุธปืนได้ดี เพราะทำงานเป็น อส.มาตั้งแต่ปี 2553 จึงมีความชำนาญในการใช้อาวุธปืน จากแนวทางการสอบสวน พอที่จะรู้ถึงตัวของผู้ร่วมกระทำความผิดทั้งหมดแล้ว ในวันนี้ก็จะประชุมเพื่อที่จะมอบงานสั่งการให้พนักงานสอบสวนสืบสวน ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อความชัดเจนในการที่นำมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ท.อนุชัยกล่าวด้วยว่าสำหรับกรณีที่มีข่าวว่าคนร้ายกลุ่มนี้เป็นคนมีสีนั้นก็ไม่ทราบว่าข่าวมันออกมาได้อย่างไร ขอรับรองว่าพนักงานสอบสวนชุดนี้รวมทั้งตนไม่เคยให้ข่าวเช่นนี้ แต่ว่าสื่อจะไปนำมาจากไหนไม่สามารถจะยืนยันได้ แต่เท่าที่ได้สอบสวนปากคำก็ได้ความว่า ผู้กระทำความผิดบางคนแต่งกายคล้ายทหาร แต่อย่างไรก็ตามจะมีการตรวจสอบกันอีกที ส่วนสาเหตุที่นายมะดือนังรับงานร่วมกับทีมในครั้งนี้ จากการสอบสวน เขาให้การรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างขอร้องจากผู้มีพระคุณ รับทำด้วยความเกรงใจนับถือกันและได้รับค่าจ้างบางส่วน ในเบื้องต้นได้รับค่าจ้างมาเพียง 8,000 บาทเท่านั้น ส่วนที่จะเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่นั้น ขอตอบว่าไม่ได้ฟันธงไปตรงที่จุดนั้น ต้องหาหลักฐานเพิ่มเติมก่อน 



ออกหมายจับอีก 6 มีร.ต.ด้วย

รายงานข่าวแจ้งว่า หลังการทำแผน พล.ต.ท.อนุชัยได้เดินทางกลับมาที่ห้องประชุมฉัตรไพฑูรย์ ภ.จว.อุดรธานี เพื่อเรียกประชุมด่วนในการขยายผลและขออนุมัติศาลจังหวัดอุดรธานี ให้ออกหมายจับเพิ่มอีก 6 คน หลังการประชุมพอสรุปได้ว่า ทีมสังหารทีมนี้ มีตัวละครด้วยกันทั้งหมด 7 คน แบ่งเป็น หัวหน้าทีมคนที่ 1 คือหมวดมีสีเป็นคนเดินทางมาวางแผนสั่งการ หลังจากรับงานมาจากนายอีกทอดหนึ่ง แล้วเดินทางกลับก่อนทีมสังหารลงมือ เริ่มจากเมื่อวันที่ 14 ม.ค. ทีมสังหาร 6 คนเดินทางมาโดยรถยนต์กระบะ 2 คัน มีวีโก้สีบรอนซ์เงิน และวีโก้สีบรอนซ์ทอง เข้าพักที่รีสอร์ตแถวถนนอุดรฯ-สกลนคร เขต ต.หนองนาคำ เพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ช่วงเย็นได้เข้าพักที่บายพาส รีสอร์ต ใกล้สี่แยกสามพร้าว จากนั้นจึงแบ่งกันไปพักที่ริมน้ำรีสอร์ต 2 คน เพื่อดูลาดเลาความเคลื่อนไหว ต่อมามีหมวดหัวหน้าทีมเดินทางมาวางแผนสั่งการ ก่อนจะเดินทางกลับไปก่อนวันเกิดเหตุเพียง 1 วัน 

รายงานข่าวระบุด้วยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เสนอขอออกหมายจับ ร.ต. 1 คน จ่า และนายสิบอีก 5 คน รวมทั้งสิ้น 6 คน และอยู่ระหว่างประสานกับต้นสังกัดในการติดตามจับกุมบุคคลทั้ง 6 โดยทั้งหมดเคยเป็นหน่วยเฉพาะกิจลงไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และได้ร่วมงานกับนายมะดือนัง หลังจากนั้นได้หมดได้ย้ายกลับไปอยู่หน่วยงานต้นสังกัดในพื้นที่ภาคตะวันตก เมื่อได้รับคำสั่ง จึงได้ตามตัวนายมะดือนังมาร่วมด้วย เนื่องจากเป็นพลเรือนสามารถติดต่อสถานที่ต่างๆ ได้สะดวกกว่า



เผยนำ"อาก้า"ทิ้งน้ำที่ชัยภูมิ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชุดสืบสวนภาค 4 ได้ประสานงานไปยังตำรวจ สภ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ เพื่อเข้าตรวจค้นที่บริเวณบ้านเลขที่ 47 บ้านเปลือย ต.โนนกอก อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ หลังจากสอบสวนขยายผลนายมะดือนังให้การว่า ขณะหลบหนีออกจากพื้นที่ จ.อุดรธานี ไปตามเส้นทาง จ.หนองบัวลำภู ผ่านอ.ศรีบุญเรือง อ.สีชมพู ผ่าน อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น แล้วมุ่งหน้าไปยัง อ.เกษตรสม บูรณ์ เพื่อนำอาวุธปืนอาก้า 2 กระบอกไปโยนทิ้งน้ำหลังบ้านดังกล่าว ซึ่งเป็นบ้านเกิดของจ่าที่ร่วมทีม แล้วพากันหลบหนีไป หากไม่พบปืนจะทำการสูบน้ำออกจนหมดเพื่อค้นหาปืน เอเค 47 หรืออาก้า เพื่อนำมาเป็นหลักฐานมัดตัวทีมยิงต่อไป

ด้านนายกรวีร์ สาราคำ ลูกชายของนายขวัญชัย ที่มาสังเกตการณ์และร่วมชมการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ กล่าวว่า พ่อที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลได้โทร.มาสอบถามเหตุการณ์โดยตลอด และพ่อดีใจมากที่ตำรวจจับคนร้ายได้ แม้จะได้เพียงคนเดียว เหลืออีกถึง 6 คนและทราบว่าเป็นคนมีสี แต่ก็มั่นใจในฝีมือของชุดสืบสวนภาค 4 และชื่นชมการทำงานที่สามารถจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็วใช้เวลาเพียงสองอาทิตย์ ทั้งนี้ทางตำรวจไม่ได้บอกอะไรมาก เพราะเกี่ยวกับรูปคดี ก็เพียงแค่รอการจับกุมจนครบหมดทั้ง 7 คนที่ลงมือ ส่วนคนบงการก็เป็นหน้าที่ของทางตำรวจที่จะสาวไปถึงหรือไม่ 

9 ก.พ. 57 เวลา 12:56 1,575 10
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...