ชีวะประวัติ อลิซาเบธ บาโธรี่

เคาท์เตส อลิซาเบธ บาโธรี่ เป็นหญิงสาวที่มีความเชื่อในเรื่องชีวิตที่เป็นอมตะ และต้องการคงร่างของตนเองให้คงดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ จึงมีความคิดที่ว่า หากได้อาบเลือดของหญิงสาวบริสุทธิ์แล้ว จะทำให้ตนเองดูอ่อนเยาได้ตลอดไป เธอจึงสั่งให้คนรับใช้ไปเอาร่างของหญิงสาวบริสุทธิ์ มากรีดเอาเลือดใส่อ่างด้วยเครื่อง ไอรอน เมเดน (Iron maiden) แล้วอาบต่างน้ำ โดยมีเหยื่อที่ต้องสังเวยชีวิตให้กับเธอไปไม่น้อยกว่า 600 คน กว่าที่เธอจะถูกคนจับไปขังในคุกมืดจนตาย เธอได้รับสมญานามว่า The Blood Countess และ Countess Dracula
คนที่ชอบอ่านคดีฆาตกรรมแปลกๆในประวัติศาสตร์คงจะคุ้นตากับชื่อและรูปข้างบนนี้ดีอยู่แล้ว เพราะเคานเตสเอริซาเบท บาโธรี่ (หรืออ่านตามฮังการี่ว่า เออร์เซเบท บาโธรี่)คนนี้เองที่ได้ฉายาว่าเป็นฆาตกรหญิงที่โหดมที่สุดในประวัติศาสตร์ หนังสือที่พูดถึงฆาตกรหญิง (อย่างไม่จำกัดยุคสมัย) แทบไม่มีเล่มใดที่จะละเลยชื่อของเธอคนนี้ไปได้ อาจจะกล่าวได้ว่าเธอคนนี้เองที่เป็นผู้เชื่อมคีย์เวิร์ดคำว่า"เลือด"เข้ากับ"ความงาม"


เอริซาเบทเกิดในตระกูลบาโธรี่อันเป็นตระกูลขุนนางชั้นสูงของฮังการี่และสืบสายมาจากตระกูลแฮบสเบิร์กอันเก่าแก่ของยุโรป ตระกูลบาโธรี่ร่ำรวยและมีอำนาจล้นหลาม ปกครองแคว้นทรานซิลวาเนียมาหลายต่อหลายยุคสมัย หากก็เป็นธรรมดาของตระกูลเก่าแก่ที่มีการแต่งงานกันเองในหมู่ญาติเพื่อรักษาทรัพย์สมบัติและอำนาจเอาไว้ ทำให้ผู้สืบสายเลือดตระกูลนี้จำนวนมากมีอาการบกพร่องทางจิตอันเนื่องมาจากลักษณะทางพันธุกรรม เป็นต้นว่าโรคฮิสทีเรีย พฤติกรรมรักร่วมเพศ สาวกลัทธิบูชาปีศาจ ผู้มักมากในกาม ....เอริซาเบทก็เช่นเดียวกัน
เอริซาเบทมีอาการป่วยเป็นโรคปวดหัวเรื้อรังจนตลอดชีวิตของเธอ มีการกล่าวว่าในสมัยเด็กที่เธอเกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรงจนกัดเนื้อหลุดออกมาจากไหล่ของสาวใช้ที่เข้ามาพยาบาล และเมื่อเอริซาเบทได้ยินเสียงกรีดร้องของสาวใช้นั่นเอง น่าแปลกที่อาการปวดหัวของเธอกลับหายเป็นปลิดทิ้ง นับแต่นั้นมา ทุกครั้งที่เอริซาเบทเกิดอาการปวดหัว เธอก็จะทรมานสาวใช้เพื่อให้เสียงร้องเหล่านั้นเป็นยาระงับอาการของเธอ

ปี 1575 เมื่อเอริซาเบทอายุ 15 ปี เธอก็แต่งงานกับท่านเคานท์ฟีเรนซ์ นาดาสดี้ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องที่อายุมากกว่า 11 ปี (หลังจากแต่งงานแล้ว เอริซาเบทก็ยังคงใช้ชื่อตระกูลเดิม)ทั้งสองย้ายที่อยู่ไปยังปราสาทเซติซในสโลวาเกีย หากฟีเรนซ์มักจะไปออกรบตามที่ต่างๆจนไม่ค่อยอยู่ติดปราสาท ชีวิตสมรสของเอริซาเบทจึงไม่หวานชื่นเท่าใดนัก อาการปวดหัวของเธอกำเริบถี่ขึ้นและการทรมานสาวใช้ก็ค่อยๆหนักข้อขึ้นทุกที เป็นต้นว่าการแทงเข็มเข้าที่ปลายนิ้วของสาวใช้ หรือจับสาวใช้มาทาน้ำผึ้งทั่วตัวแล้วโยนลงไปในห้องใต้ดินที่เต็มไปด้วยมด แต่นี่ก็ยังไม่นับเป็นการเปิดฉากตำนานเลือดของเธอเลยด้วยซ้ำ

เอริซาเบทเริ่มหางานอดิเรกใหม่มาทดแทนชีวิตอันน่าเบื่อ ซึ่งก็คือมนต์ดำที่คนรับใช้เป็นผู้แนะนำนั่นเอง เธอมักจะลงไปหมกตัวอยู่ในห้องใต้ดินและประกอบพิธีกรรมประหลาดกับคนรับใช้บ่อยครั้ง และในไม่ช้าเอริซาเบทก็เริ่มมีชู้ ฟีเรนซ์รับรู้เรื่องนี้แต่ใจกว้างพอที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น หากไม่นานนักแม่ของฟีเรนซ์ก็ย้ายมาอยู่ด้วย จึงเป็นการเปิดสงครามเย็นระหว่างแม่สามีลูกสะใภ้ในที่สุด เอริซาเบทประพฤติตัวเป็นภรรยาผู้เรียบร้อยต่อหน้าสามี แต่พอลับหลัง เธอก็ทำกระทั่งการจับสาวใช้ของแม่สามีมาทรมานจนตาย
จะอย่างไร เอริซาเบทมีลูก 4 คน ทำให้สภาพครอบครัวยังไม่ถึงกับพังทลายลงในทีเดียว ชีวิตฆาตกรของเธอเริ่มต้นขึ้นหลังจากการตายของสามีเสียมากกว่า

ปี 1600 เอริซาเบทอายุ 40 ปี ฟีเรนซ์เสียชีวิตไปด้วยอายุ 51 ปี ทิ้งสมบัติและอำนาจทุกอย่างไว้ในมือของภรรยา และแทบจะในวันเดียวกันนั้นเอง แม่ก็จากโลกนี้ตามลูกชายไปอีกคน เป็นที่ปิดกันให้แซ่ดว่าน่าจะเป็นการวางยาพิษ
เท่านี้ก็ไม่มีใครจะมาขวางทางเอริซาเบทได้อีก เธอกลายเป็นราชินีในอาณาจักรของเธอ ชีวิตประชาชนก็เหมือนกับลูกไก่ในกำมือ จะบีบจะคลายก็ขึ้นอยู่กับใจเธออย่างเดียว
จะมีก็แต่อย่างหนึ่งที่ไม่เป็นไปดังใจคิด เอริซาเบทมีความภูมิใจในรูปโฉมของตัวเองมาก แต่ตัวเธอก็ไม่สามารถเอาชนะกาลเวลาได้ มีการสั่งให้แม่มดหมอผีที่คุ้นเคยทำยาคืนความสาวมาใช้หลายขนาน แต่ไม่ว่าอันไหนก็ไม่ค่อยเห็นผลเท่าใดนัก จนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะที่สาวใช้กำลังสางผมให้กับเอริซาเบท คงเพราะเกร็งไปหน่อยจึงออกแรงมากไป ดึงผมหลุดติดหวีมาหลายเส้น เอริซาเบทระเบิดอารมณ์ทันที เธอใช้เชิงเทียนที่อยู่ใกล้มือทุบเด็กสาวอย่างไม่ยั้งมือ จนกระทั่งอีกฝ่ายสิ้นลมหายใจแล้วก็ยังทุบต่อเสียจนหนำใจ และเมื่อเอริซาเบทวางมือจากเชิงเทียนก็พบว่ามีเลือดติดอยู่ที่มือ พอเช็ดออกเธอก็พบว่าผิวหนังส่วนนั้นกลับดูเต่งตึงมีน้ำมีนวลขึ้นกว่าก่อน เลือดของเด็กสาวนี่เองที่เป็นยาอายุวัฒนะที่ได้ผลชะงัดที่สุด (หมายเหตุ -ตรงนี้เป็นเพียงความเข้าใจของเอริซาเบทค่ะ กรุณาอย่าคล้อยตาม)และด้วยเหตุนี้เอง โศกนาฏกรรมการฆ่าสังหารเด็กสาวกว่า 600 คนเพื่อประทังความงามของเอริซาเบท บาโธรี่จึงเริ่มต้นขึ้น

เอริซาเบทเริ่มทำการรวบรวมเด็กสาวจากที่ต่างๆในดินแดนของตน ชาวบ้านที่ยากจนต่างก็ยินดีที่จะส่งลูกสาวออกมาทำงานในปราสาทเพียงเพื่อแลกกับเสื้อผ้าไม่กี่ชุด เหล่าเด็กสาวพากันลอดประตูปราสาทเข้ามาด้วยใบหน้าร่าเริงราวกับจะไปปิคนิค แต่ไม่มีใครที่รอดกลับมาได้ พวกเธอถูกคั้นเลือดออกมาจนหยดสุดท้ายแล้วถูกฝังไว้ในสวนหลังปราสาทโดยที่พ่อแม่พี่น้องก็ไม่มีโอกาสจะทราบถึง
วิธีการทรมานของเอริซาเบทยิ่งยกระดับเสียยิ่งกว่าเก่า มีทั้งการใช้เหล็กร้อนเผาลำคอ ใช้เครื่องทรมานบีบหน้าอก บางครั้งเธอก็ใช้มือทั้งสองของตัวเองล้วงเข้าไปในปากและฉีกร่างของเหยื่อออกเป็นสองซีก เด็กสาวบางคนที่พยายามจะหนีก็ถูกตัดเท้าทิ้ง
มีบันทึกกล่าวถึงงานฉลองที่เอริซาเบทจัดขึ้น เธอได้รวบรวมเด็กสาวหน้าตาดีจำนวน 60 คนมาจัดงานเลี้ยง คนแคระพากันเต้นรำ แม่มดก็พ่นไฟ เมื่องานเลี้ยงดำเนินมาถึงจุดสูงสุดนั่นเอง ประตูถูกปิดตาย และทหารก็กรูกันเข้ามา เด็กสาวที่พากันหนีลนลานบ้างก็ถูกข่มขืนแล้วแทงด้วยมีดที่กลางอก บ้างก็ถูกตัดหัว บ้างก็ถูกตัดแขนตัดขาและเสียเลือดมากจนสิ้นลม
ศพและชิ้นส่วนต่างๆถูกรวบรวมมากรองเลือดใส่อ่าง และเอริซาเบทก็เปลื้องผ้าของตน ลงแช่ในอ่างเลือดนี่เอง แต่การรอให้เลือดเต็มอ่างก็ยังไม่ทันใจเธออยู่ดี เอริซาเบทจึงทดลองวิธีที่เร็วกว่าด้วยการปาดคอเด็กสาวให้เลือดกระฉูดออกมาใส่ตนเองเหมือนกับฝักบัวเลือด แต่เนื่องจากเหยื่อกรีดร้องน่ารำคาญ เด็กสาวคนที่สองจึงถูกเย็บปากเพื่อรักษาสุขภาพหูของเอริซาเบท

อีกสิ่งหนึ่งที่เอริซาเบททิ้งไว้ในประวัติศาสตร์โลกก็คือเครื่องมือทรมานที่มีชื่อเสียงที่สุดชิ้นหนึ่ง Iron Maiden นั่นเอง ช่างทำนาฬิกาถูกเรียกตัวมาจากเยอรมันเพื่อการนี้โดยเฉพาะ มีการบรรยายเกี่ยวกับสุภาพสตรีเหล็กตัวแรกสุดไว้ดังนี้

คล้ายๆของฌาณ ในชาแมนเลยเนอะ

"ตุ๊กตาเหล็กนี้มีรูปร่างเป็นร่างเปลือยทาสีเนื้อ ส่วนใบหน้ามีการแต้มเครื่องสำอาง เมื่อกลไกขยับปาก ก็จะปรากฏรอยยิ้มอันเลื่อนลอยและมโหดขึ้นบนใบหน้า ที่อกมีพลอยประดับอยู่เป็นปุ่ม เมื่อกดปุ่ม ตุ๊กตาก็จะค่อยๆยกแขนขึ้น จากนั้นแขนก็จะเคลื่อนมาเป็นกอดอกซึ่งคนที่อยู่ในระยะรัศมีก็จะถูกแขนของตุ๊กตากอดไว้ พร้อมกันนั้น ส่วนตัวด้านหน้าก็จะเปิดออกเป็นบานประตู ภายในเป็นช่องกลวงและด้านหลังบานประตูมีเข็มแหลมยาวงอกอยู่ 5 เล่ม ผู้ที่ถูกตุ๊กตากอดไว้จะถูกขังอยู่ภายในตัวตุ๊กตาและถูกเข็มเหล่านี้แทง คั้นเลือดออกมาจนเสียชีวิต"
อย่างไรก็ตาม เครื่องทรมานดังกล่าวนี้ไม่ได้ถูกใช้งานจริงมากเท่าที่เข้าใจกัน เนื่องจากเข็มพากันทื่อเสียหมดเพราะเป็นสนิมจากเลือด เอริซาเบทจึงออกคำสั่งใหม่ให้สร้างกรงเหล็กขนาดใหญ่ซึ่งมีเข็มแหลมอยู่ภายใน กรงดังกล่าวจะถูกเฟืองโซ่ยกขึ้นสูงจากพื้นโดยมีเด็กสาวอยู่ข้างใน และเมื่อเขย่ากรง เลือดก็จะกระจายลงมาสู่เอริซาเบทที่อยู่เบื้องล่างราวกับเป็นฝนเลือด

     แน่นอนว่ากิตติศัทพ์นี้ย่อมต้องกลายเป็นที่เลื่องลือ ในไม่ช้า ประชาชนก็เริ่มร้องเรียนเรื่องไปยังราชสำนัก แล้วพระเจ้าแมทเทียสที่ 2 ก็ทรงเข้ามาจัดการกับคดีนี้ด้วยพระองค์เอง
เดือนธันวาคมปี 1610 เมื่อมาร์ควิสเธอร์โซซึ่งเป็นญาติของเอริซาเบทลงไปยังห้องใต้ดินของปราสาทเซติช เขาก็ต้องผงะกับสิ่งที่ตัวเองพบ เครื่องทรมานจำนวนนับไม่ถ้วน รอยเลือดที่ชโลมอยู่แทบทุกที่และศพที่กองเป็นภูเขา บางศพถูกตัดทรวงอก บางศพถูกเฉือนเนื้อ บางศพก็ศรีษะถูกทุบจนแหลก และบางศพก็เต็มไปด้วยรู มีเด็กสาวบางคนถูกช่วยออกมาได้ แต่ก็ยากที่บอกว่าพวกเธอปลอดภัยดี หลายคนถูกบังคับให้กินเนื้อจากศพของเด็กสาวคนอื่น

     มกราคมปี 1611 การตัดสินคดีของเอริซาเบทถูกจัดขึ้นที่พิซเซ่ เอริซาเบทได้รับอนุญาติให้ไม่ต้องมาขึ้นศาลด้วยตัวเอง และเนื่องจากฎีกาของตระกูลบาโธรี่ เธอก็รอดพ้นจากโทษประหารในขณะที่ผู้มีส่วนร่วมในการสังหารทุกคนต่างก็ถูกตัดสินโทษเผาทั้งเป็น
การตัดสินโทษของเอริซาเบทถูกโอนให้เป็นอำนาจของตระกูลบาโธรี่ และโดยผลการประชุมของตระกูล เอริซาเบทก็ถูกตัดสินให้ถูกจองจำอยู่ในปราสาทเซติชไปจนตลอดชีวิตในห้องขังอันมืดมิดซึ่งประตูถูกโบกปูนปิดตาย เธอเสียชีวิตในอีก 3 ปีให้หลัง หากก็มีบางตำนานกล่าวว่าเธอหนีออกไปได้และกลายเป็นผีร้ายอยู่ในป่าของฮังการี่
 
ถ้าผิดพลาดยังไงผมก็ขออภัยด้วยนะครับมือใหม่หัดโพสน่ะครับ



var www_u=location.href+"&share=1"; var stat_url = ""; function addFav(id,cat){ if(cat == "content") p_url = "/content/"; else if(cat == "board") p_url = "/board/"; var ddpopup = window.open(stat_url+p_url+"fav_"+cat+".php?id="+id,"addthis_popup","toolbar=0,status=0,width=405,height=220"); ddpopup.focus(); return false; } function addPrint(id,cat){ if(cat == "content") p_url = "http://www.dek-d.com/content/"; else if(cat == "board") p_url = "http://www.dek-d.com/board/"; var ddpopup = window.open(stat_url+p_url +"print.php?id="+id,"addthis_popup","toolbar=0,status=0,width=405,height=220"); ddpopup.focus(); return false; } function sendMail(id,cat){ var ddpopup = window.open(stat_url+"http://www.dek-d.com/mailclub/list-contentSendMail.php?id="+id+"&cate="+cat,"addthis_popup","toolbar=0,status=0,width=500,height=600"); ddpopup.focus(); return false; } function addHi5(){ document.getElementById('shareForm').submit(); return false; } function addTwitter(title){ var ddpopup = window.open(stat_url+"http://twitter.com/?status="+encodeURIComponent(title)+" - "+encodeURIComponent(www_u),"addthis_popup","toolbar=0,status=0,width=626,height=436"); ddpopup.focus(); return false; } function addFacebook(){ var ddpopup = window.open(stat_url+"http://www.facebook.com/sharer.php?u="+encodeURIComponent(www_u),"addthis_popup","toolbar=0,status=0,width=626,height=436"); ddpopup.focus(); return false; } function addLive(title){ var ddpopup = window.open(stat_url+"https://favorites.live.com/quickadd.aspx?marklet=1&url="+encodeURIComponent(www_u)+"&title="+encodeURIComponent(title),"addthis_popup","toolbar=0,status=0,width=626,height=436"); ddpopup.focus(); return false; } function addOther(title){ window.open("addthis.php?url="+encodeURI(www_u)+"&title="+encodeURI(title),"addthis_popup",""); return false; } function setVoice(title){ var parameters = "mode=set&icon=28&msg="+encodeURIComponent(document.getElementById('voice_msg').value ); var a = new Ajax.Request('/myLib/voice.php',{method:'post', postBody:parameters, onComplete:function(req){ var response = req.responseText; var msg = ''; if(response == '1'){ msg = 'อัพเดทสถานะเรียบร้อย เพื่อนๆทุกคน รับทราบ !'; } else if(response == '2') msg = 'ข้อความต้องยาวอย่างน้อย 4 ตัวอักษร !!!'; else if(response == '3') msg = 'ข้อความต้องยาวไม่เกิน 100 ตัวอักษร !!!'; else if(response == '4') msg = 'ไม่สามารถโพสซ้ำได้ !!!'; else if(response == '5') msg = 'เมนูนี้ สำหรับมายไอดีเวอร์ชั่น 2 เท่านั้น !!!'; else if(response == '9') msg = 'กรุณาล๊อคอินก่อนใช้งาน !!!'; else msg = 'ไม่สามารถเปลี่ยนสถานะได้ กรุณาลองใหม่ภายหลัง !!!' + 'nnnnn' +response ; alert(msg); return false; document.getElementById("p_ajax").disabled=false; } }); return false; }


 

25 มี.ค. 53 เวลา 23:05 18,993 2 16
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...