ประวัติโค้ชอ๊อด เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร เบื้องหลังความสำเร็จวอลเลย์บอลหญิงไทย

 ประวัติโค้ชอ๊อด เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมวอลเลย์บอลหญิงไทย ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จทุกวันนี้ พร้อมวิธีการทำงาน และเป้าหมายในอนาคต

          ความสำเร็จของทัพนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงไทยในทุกวันนี้ ที่สามารถคว้าแชมป์รายการชิงแชมป์เอเชียได้ คนที่ได้รับเครดิตไปเต็ม ๆ คงหนีไม่พ้นตัวนักกีฬาวอลเลย์บอลเอง ที่มีความมุ่งมั่น มีความพยายาม จนมีวันนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ก็สามารถพูดได้เช่นกันว่า หากทีมวอลเลย์บอลชุดนี้ ไม่มีชายที่ชื่อว่า เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร หรือที่คุ้นชื่อกันดีคือ โค้ชอ๊อด เป็นผู้บริหารจัดการทีมอยู่เบื้องหลัง ทีมวอลเลย์บอลไทยก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ

          หลายคนอาจจะอยากรู้ว่า โค้ชคนนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไร สมัยเล่นวอลเลย์บอลเป็นอย่างไรบ้าง รวมถึงแนวทางการจัดการทีมตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน อนาคต วันนี้ทางกระปุกดอทคอม จะนำเสนอถึงเรื่องดังกล่าวของบุรุษผู้อยู่เบื้องหลังทีมวอลเลย์บอลไทยกันครับ

          เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร เกิดเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2509 ที่ จ.นครราชสีมา โดยเริ่มเล่นวอลเลย์บอลครั้งแรกเมื่ออายุ 14 ปี มีคุณพ่อ คือ ไสว รัชตเกรียงไกร อดีตนักวอลเลย์บอลของนครราชสีมา เป็นคนคอยดูแลอย่างใกล้ชิด และด้วยความที่มีคุณพ่อเป็นนักวอลเลย์บอล จึงทำให้โค้ชอ๊อด เดินตามรอยได้อย่างรวดเร็ว และเริ่มติดทีมชาติชุดใหญ่เมื่ออายุ 17 ปี แต่สิ่งที่เป็นเบื้องหลังความสำเร็จของโค้ชอ๊อดคนนี้ อยู่ที่การตื่นตีห้า วิ่งเช้าเย็นรวม ๆ 10 กิโลเมตร เพื่อฟิตร่างกายให้แข็งแกร่ง

          กระทั่งโค้ชอ๊อด อายุ 19 ปี ก็ได้เป็นหนึ่งใน 12 ขุนพลลุยศึกซีเกมส์ 1985 (พ.ศ. 2528) ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ โดยก่อนหน้าการแข่งขัน โค้ชอ๊อดถูกฝึกอย่างหนักหน่วงมาก นอกจากซ้อมตามโปรแกรมแล้ว ยังถูกซ้อมแบบเฉพาะตัวอีกด้วย ซึ่งจุดประสงค์ที่โค้ชอ๊อดถูกซ้อมหนักเช่นนี้ เป็นเพราะต้องการสร้างความแข็งแกร่งให้สามารถรับมือกับศึกใหญ่ได้ และการฝึกซ้อมอย่างหนักครั้งนี้ ก็ถือว่าได้ผล เพราะทีมวอลเลย์บอลชายไทยสามารถคว้าเหรียญทองได้เป็นครั้งแรกในรอบ 26 ปี และเป็นครั้งแรกที่เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร ได้รับรางวัลสูงสุดในฐานะผู้เล่นทีมชาติ

          หลังจากผ่านซีเกมส์ครั้งนี้มาได้ โค้ชอ๊อดก็ติดทีมวอลเลย์บอลชายมาโดยตลอด สามารถคว้าเหรียญทองซีเกมส์ได้อีก 1 สมัยในปี 1995 (พ.ศ. 2538), เหรียญเงิน 3 สมัย ในปี 1991 (พ.ศ. 2534), 1993 (พ.ศ. 2536) และ 1997 (พ.ศ. 2540) และเหรียญทองแดง 2 สมัย ในปี 1987 (พ.ศ. 2530), 1989 (พ.ศ. 2532)

          นอกจากนี้ โค้ชอ๊อดยังได้แข่งขันในรายการอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากซีเกมส์อีกด้วย อาทิ เอเชียนเกมส์ 1990 (พ.ศ. 2533), 1994 (พ.ศ. 2537) และ 1998 (พ.ศ. 2541) และการปิดฉากชีวิตนักวอลเลย์บอลด้วยการนำทีมชายไปแข่งขันชิงแชมป์โลก ปี 1998 ได้สำเร็จ ในฐานะตัวแทนทวีปเอเชีย

 
 
          ด้านงานผู้ฝึกสอน โค้ชอ๊อดเคยคุมทีมวอลเลย์บอลชายมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในช่วงที่เป็นนิสิต หลังจากนั้นก็ทำทีมวอลเลย์บอลชายอีกหลายทีม ก่อนที่จะมาเริ่มต้นเปิดตำนานทีมวอลเลย์บอลหญิงยุคดรีมทีม 2001 โดยมีจุดมุ่งหมายสร้างทีมวอลเลย์บอลหญิงชุดเล็ก เพื่อดันขึ้นสู่ชุดใหญ่ ทดแทนรุ่นพี่ตัวสำคัญ เช่น ปริม อินทวงศ์, มาลินี คงทัน, บุษบรรณ พระแสงแก้ว, แอนณา ไภยจินดา ฯลฯ ที่เตรียมตัวจะปลดระวางไปตามวัยในอีกไม่นานนัก

          สำหรับโครงการนี้ จะคัดดาวเด่นที่มีแววพอปั้นได้ อายุประมาณ 15-17 ปี มาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันที่ จ.ยะลา และฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วง ภายใต้จุดมุ่งหมายเดียวกันคือ ติด 1-4 ของเอเชีย หรือสามารถต่อสู้กับทีมระดับโลกได้อย่างใกล้เคียง และทีมนักตบสาวยุวชนไทยดรีมทีมชุดนี้ นำโดยนราพร ผงทอง, ปิยมาศ ค่อยจะโป๊ะ ฯลฯ ก็ประเดิมคว้าอันดับ 4 ของเอเชียได้ในปี 2540 ต่อมาไปคว้ารองแชมป์ถางลอง คัพที่เวียดนาม และกลับมาคว้าอันดับ 5 ศึกยุวชนหญิงชิงแชมป์โลก ซึ่งถือว่าเป็นอันดับที่ดีที่สุดเท่าที่เคยร่วมการแข่งขันมา

          หลังจากนั้น โค้ชอ๊อดก็ได้รับงานผู้ฝึกสอนทีมวอลเลย์บอลหญิงชุดใหญ่ครั้งแรกในปี 2541 พร้อมกับสร้างประวัติศาสตร์พาทีมเข้าไปเล่นรายการเวิลด์แชมเปียนชิพสำเร็จ ก่อนที่จะจบอันดับที่ 15 ต่อมาในปี 2543 โค้ชอ๊อดก็พาทีมไทยไปลุยศึกเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ได้เป็นครั้งแรก และหลังจากนั้นไทยก็เป็นทีมขาประจำที่ได้ลุยศึกเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ มาโดยตลอด ยกเว้นปี 2007 (พ.ศ. 2550) เนื่องจากไทยเป็นเจ้าภาพกีฬามหาวิทยาลัยโลก

          และต้องบอกว่า หลังจากโค้ชอ๊อดได้รับงานคุมทีมชุดใหญ่ ทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยก็พัฒนาขึ้นจนประสบความสำเร็จภายในระยะเวลาไม่นาน เพราะหลังจากโค้ชอ๊อดรับงานเพียงแค่ 3 ปี ก็สามารถพาทีมคว้าเหรียญทองแดงรายการชิงแชมป์เอเชียได้ในปี 2001 (พ.ศ. 2544) ต่อด้วยเหรียญทองแดงในปี 2007 ส่วนความสำเร็จระดับสูงสุด โค้ชอ๊อดต้องใช้เวลาถึง 11 ปีในการสานฝันที่เป็นจริง ด้วยการล้มทีมชาติจีนได้ 3-1 เซต ในศึกชิงแชมป์เอเชียเมื่อปี 2009 (พ.ศ. 2552) ที่เวียดนามเป็นเจ้าภาพ คว้าแชมป์เอเชียมาครองได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย

          ดูเหมือนว่า ความสำเร็จของทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยในยุคโค้ชอ๊อด เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร ยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะในปี 2012 (พ.ศ. 2555) ไทยก็สามารถคว้าแชมป์รายการเอเชียน คัพ 2012 ที่ประเทศคาซัคสถานได้ ด้วยการคว่ำจีน 3-1 เซตเช่นกัน ซึ่งในเกมนั้นเล่นเอาคนดูหัวใจแทบวาย เพราะมีการทำคะแนนดิวซ์ที่ค่อนข้างสูงมาก คือ ในเซตแรก ไทยชนะจีนไปได้ 30-28 คะแนน

          จากนั้น ในปีนี้ (2013) ทีมวอลเลย์บอลสาวไทยก็สร้างความสุขให้กับคนไทยอีกครั้ง ด้วยการคว้าแชมป์เอเชีย ได้เป็นสมัยที่สอง ในรอบ 4 ปี โดยคว่ำญี่ปุ่นในรอบชิง 3-0 เซต ท่ามกลางเสียงเชียร์สนั่นของแฟนกีฬาที่แห่แหนเข้ามาให้กำลังใจถึงขอบสนามในจังหวัดนครราชสีมา จุดกระแสวอลเลย์บอลฟีเวอร์ในประเทศขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

          ทีมวอลเลย์บอลหญิงภายใต้การดูแลของโค้ชอ๊อด ตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นทีมแถวหน้าระดับเอเชีย และมีโอกาสได้แข่งขันกับทีมระดับโลกอยู่เป็นระยะ ๆ ตามรายการต่าง ๆ ซึ่งกว่าทีมวอลเลย์บอลหญิงจะมีวันนี้ได้ ก็ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ฉะนั้น เราจะมาต่อกันด้วยวิธีการทำงานของโค้ชอ๊อด ที่ทำให้วันนี้ประสบความสำเร็จกันเลย

          โดยรูปแบบการซ้อมของโค้ชอ๊อดจะเน้นไปทางค่อนข้างหนัก และการซ้อมเป็นทีม เช่น ถ้าหากวิ่ง 2 กิโลเมตรในเวลาไม่เกิน 9 นาที แล้วมีคนไม่ผ่าน 1 คน ทุกคนจะต้องวิ่งใหม่หมด เป็นต้น ซึ่งสาเหตุที่ทำเช่นนี้ เพราะโค้ชต้องการให้ลูกทีมรักและสามัคคีกัน ใช้พลังความเป็นทีมให้เป็นประโยชน์ เนื่องจากวอลเลย์บอลเล่นกันเป็นทีม ไม่ใช่ต่างคนต่างไป นอกจากจะสร้างความสามัคคีได้แล้ว ยังสร้างความแข็งแกร่งทางจิตใจ เพราะในการแข่งขันจริงจะต้องเจอสถานการณ์ที่กดดันกว่านี้มาก

 
 
          นอกจากนี้ ยังมีรูปแบบการซ้อมที่ค่อนข้างบีบหัวใจ เพื่อให้ลูกทีมรับมือกับสถานการณ์แต้มสำคัญ ใกล้ ๆ ปิดเซต เช่น เริ่มซ้อมตั้งแต่แต้มที่ 23 โดยซ้อมกับทีมผู้ชายของโค้ช เพื่อให้สาว ๆ นักวอลเลย์บอลต้องคอยรับมือกับความหนักหน่วงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็เป็นการฝึกฝนอีกวิธีหนึ่งที่ได้ผลเป็นอย่างดี

          อย่างไรก็ตาม การทุ่มเทแรงกายแรงใจของโค้ชอ๊อดไม่ได้อยู่ที่ 3 ชั่วโมงของการฝึกซ้อมเท่านั้น แต่กินเวลาในชีวิตประจำวันไปอย่างมหาศาล ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้โค้ชอ๊อดสูญเสียบางอย่างไป นั่นคือ ภรรยาเก่าที่อยู่กินกันมา 7 ปี ต้องมีอันเลิกราแยกทางกันไป เนื่องจากโค้ชอ๊อดไม่มีเวลาให้กับครอบครัว ทำให้ฝ่ายหญิงไม่สามารถทนอยู่กับเขาได้ แต่ถึงกระนั้น โค้ชอ๊อดก็ยังได้พบรักใหม่กับนักกีฬาชาวคาซัคสถาน ซึ่งเธอคนนี้ก็เข้าใจในการทำงานของโค้ชอ๊อดเป็นอย่างดี จึงทำให้อยู่ร่วมกันได้ และอยู่กินกันมานานหลายปีแล้ว

          มาดูกันเรื่องเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับ โค้ชอ๊อด เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร กันบ้าง ว่ากันว่า หลังจากที่โค้ชอ๊อดพาทีมคว้าแชมป์รายการชิงแชมป์เอเชียปี 2009 เป็นต้นมา โค้ชก็ได้แก้บนด้วยการกินเจ 3 เดือน พร้อมกับเลิกเหล้าและบุหรี่ด้วย ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ล่วงเลยมา 4 ปี โค้ชก็ยังคงกินเจอยู่ เวลาเดินทางไปต่างประเทศ ก็จะพกอาหารเจกระป๋องไปด้วย โดยเชื่อว่า หากกินเจไปเรื่อย ๆ ก็จะทำให้ทีมวอลเลย์บอลสาวไทย ประสบความสำเร็จไปเรื่อย ๆ เช่นกัน

          กลับมาเรื่องเป้าหมายของทีมวอลเลย์บอลของโค้ชอ๊อดกันต่อ แน่นอนว่า ทีมวอลเลย์บอลไทยได้แชมป์เอเชียมาครอบครองแล้ว แต่จุดมุ่งหมายสูงสุดที่โค้ชอ๊อดหวังก็คือ การพาทีมวอลเลย์บอลไทยไปลุยโอลิมปิกเกมส์ให้ได้ ซึ่งในปี 2012 เป็นปีที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับการได้ไปร่วมสังฆกรรมที่สุดแล้ว แต่ก็พลาดไปอย่างน่าเสียดาย

          อย่างไรก็ตาม เชื่อได้เลยว่า หากทีมวอลเลย์บอลไทยยังมีชายชื่อ เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร รั้งบังเหียนอยู่ อนาคตข้างหน้า ทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยคงสามารถบรรลุเป้าหมายลุยโอลิมปิกเกมส์ได้อย่างแน่นอน


 ประวัติ โค้ชอ๊อด เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร

ชื่อจริง : เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร 
ชื่อเล่น : อ๊อด
วันเกิด : 17 กรกฎาคม 2509 
เกิดที่ : นครราชสีมา
ส่วนสูง : 195 เซนติเมตร
การศึกษา :
  โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย  
  ปริญญาตรีคณะศึกษาศาสตร์ ภาควิชาพลศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

 

 เกียรติประวัติในฐานะผู้เล่น

 ซีเกมส์
 
 ปี 1985 (พ.ศ. 2528) : แชมป์ 
 ปี 1987 (พ.ศ. 2530) : อันดับ 3
 ปี 1989 (พ.ศ. 2532) : อันดับ 3
 ปี 1991 (พ.ศ. 2534) : รองแชมป์
 ปี 1993 (พ.ศ. 2536) : รองแชมป์
 ปี 1995 (พ.ศ. 2538) : แชมป์
 ปี 1999 (พ.ศ. 2540) : รองแชมป์

 

 เกียรติประวัติในฐานะผู้ฝึกสอน

 รายการชิงแชมป์เอเชีย

 ปี 2001 (พ.ศ. 2544) : อันดับ 3
 ปี 2007 (พ.ศ. 2550) : อันดับ 3
 ปี 2009 (พ.ศ. 2552) : แชมป์
 ปี 2013 (พ.ศ. 2556) : แชมป์

 รายการเอเชียนคัพ

 ปี 2008 (พ.ศ. 2551) : อันดับ 3
 ปี 2010 (พ.ศ. 2553) : รองแชมป์
 ปี 2012 (พ.ศ. 2555) : แชมป์

 รายการซีเกมส์

 ปี 2001 (พ.ศ. 2544) : แชมป์
 ปี 2003 (พ.ศ. 2546) : แชมป์
 ปี 2005 (พ.ศ. 2548) : แชมป์
 ปี 2007 (พ.ศ. 2550) : แชมป์
 ปี 2009 (พ.ศ. 2552) : แชมป์
 ปี 2011 (พ.ศ. 2554) : แชมป์

 รายการเวิลด์ แกรนด์ แชมเปียนส์ คัพ

 ปี 2009 (พ.ศ. 2552) : อันดับ 6

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...