ในยุคนี้ หลายๆ คนอาจจะคิดว่าอาณาจักรของแมวน้อยเฮลโหล คิตตี้ จากค่ายซาริโอที่เราคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก น่าจะถึงจุดอิ่มตัว พ่ายแพ้ให้กับตุ๊กตาบลายท์หรือตัวการ์ตูนรุ่นใหม่อื่นๆ ได้แล้ว กลับมีความเคลื่อนไหวที่พิสูจน์ว่าสำหรับวงการธุรกิจ คิตตี้ยังเป็นสิ่งที่ "ขายได้" นั่นก็คือการที่สายการบินยักษ์ใหญ่ของไต้หวัน เตรียมนำเครื่องบินเฮลโหล คิตตี้ บินให้บริการในเส้นทางการบินสู่สหรัฐฯเป็นครั้งแรก

 

 

มาดูกันก่อนว่าเครื่องบินคิตตี้ที่ว่านี้หน้าตาเป็นอย่างไร ดูเผินๆอาจจะไม่ค่อยตื่นเต้น เพราะเครื่องบินเดี๋ยวนี้มีการสกรีนลายต่างๆมากมาย แต่เครื่องบินคิตตี้ไม่ได้มีคิตตี้แค่เฉพาะนอกเครื่องเท่านั้น ภายในก็ยังเต็มไปด้วยคิตตี้ ไม่ว่าจะเป็นชุดผ้ากันเปื้อนสำหรับเสิร์ฟอาหารของบรรดาแอร์โฮสเตส หรือเลาะ หมอน ผ้าห่ม ตั๋วและแท็กกระเป๋าต่างๆ ล้วนเป็นลายคิตตี้ ส่วนอาหาร ตั้งแต่ชั้นเฟิร์สคลาสไปจนถึงชั้นประหยัด ก็เป็นลายคิตตี้ทั้งสิ้น

 

 

แม้แต่วีดีโอต้อนรับผู้โดยสาร บอกรายละเอียดเที่ยวบินและสาธิตมาตรการรักษาความปลอดภัย ก็ยังทำเป็นวีดีโอคิตตี้ที่สวยงามน่ารัก เรียกว่าคิตตี้เยอะขนาดนี้ ผู้โดยสารชายหลายคนอาจจะเขินจนอึดอัดได้

 

 

จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ อีวีเอแอร์ได้เปิดตัวเครื่องบินเฮลโหลคิตตี้ 5 ลำ สำหรับบริการเส้นทางการบินจากไต้หวันไปยังประเทศในเอเชียอย่างญี่ปุ่น ฮ่องกง และเกาหลีใต้ รวมถึงเกาะกวมของสหรัฐฯ และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะลูกค้าในประเทศเหล่านี้น่าจะรู้จักคุ้นเคยและชอบคิตตี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่สำหรับเที่ยวบินคิตตี้จากไต้หวันไปยังลอสแองเจลิสของสหรัฐฯ ที่มีกำหนดบิน 3 เที่ยวต่อสัปดาห์ ถือเป็นความท้าทาย แต่ก็เป็นการแสดงว่าอีวีเอเชื่อมั่นว่าแม้แต่ผู้โดยสารจากสหรัฐฯ ก็จะต้องมีผู้นิยมชมชอบคิตตี้เช่นเดียวกัน

 

 

โดยเที่ยวบินคิตตี้จากไต้หวันไปแอลเอเที่ยวบินแรกจะออกเดินทางในวันที่ 18 กันยายนนี้ และหากประสบความสำเร็จดี อาจมีการขยายเที่ยวบินเพิ่มเติม และนำเครื่องบินคิตตี้ไปให้บริการในยุโรปด้วย

 

 

 

สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับเครื่องบินเฮลโหล คิตตี้ ไม่ใช่เฉพาะความน่ารักของมันเท่านั้น แต่เป็นคำถามที่ว่าทำไมตัวการ์ตูนญี่ปุ่นที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1974 หรือเกือบ 40 ปีที่แล้ว ถึงได้ยังครองใจคนทั่วโลก จนสามารถนำมาเป็นมาสค็อตเรียกลูกค้าได้ในยุคนี้ คำตอบอาจจะเป็นเพราะตัวการ์ตูนที่อยู่มานานอย่างคิตตี้ หรือมิกกี้เมาส์ เริ่มกลายเป็นความคลาสสิก ที่ไม่ใช่เฉพาะเด็กๆ เท่านั้นที่นิยมชมชอบ แต่ความชอบได้ถูกส่งผ่านจากพ่อแม่สู่ลูก จนตัวการ์ตูนเหล่านี้กลายเป็นขวัญใจของคนทุกวัยไปแล้ว