เผยความรู้สึกของ แม่เมียม กับวินาทีสูญเสีย น้องโมจิ คาอ้อมกอด (คลิป)

 

 

 

 

 

น้องโมจิ เสียชีวิต แม่เมียม เผยวินาทีที่สูญเสียลูกน้อยคาอ้อมกอด ร่ำไห้ถ้าชาติหน้ามีจริงอยากให้เกิดมาเป็นแม่ลูกกันอีก

เผยความรู้สึกของ แม่เมียม กับวินาทีสูญเสีย น้องโมจิ คาอ้อมกอด

 

การเสียชีวิตของน้องโมจิ หรือ พลอยชมภู ศรีวิกุล เด็กน้อยวัย 6 เดือน 21 วัน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา ทำเอาใครหลาย ๆ คนใจหายไม่น้อย โดยเฉพาะผู้ที่ติดตามอาการของน้องโมจิมาตั้งแต่เริ่มป่วย ซึ่งหลายคนก็ เอาใจช่วยและเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวน้องโมจิเสมอมา

 

โดยแม่เมียม คุณแม่ของน้องโมจิ เผยถึงอาการคร่าว ๆ ของลูกสาวให้ฟังว่า น้องโมจิป่วยเป็นโรคพันธุกรรมเมตาบอลิซึม ซึ่งมีภาวะกรดแลคติกในเลือดสูงกว่าคนปกติถึง 6 เท่า โดยเป็นความผิดปกติของเซลล์ในร่างกายตั้งแต่กำเนิด เลยทำให้ระบบเผาผลาญกรดแลคติกในเส้นเลือดไม่ทำงาน ส่งผลให้น้องเกิดอาการซึม ไม่ทานนม ตัวเขียว อาเจียน และชักได้ตลอดเวลา

หลังจากที่รู้ว่าลูกเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาหายได้ ก็พยายามจะไปหาหมอที่อื่น ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อหมอที่ศิริราช แต่อยากจะทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ อยากมีความหวังสักเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ยังดี

ซึ่งก่อนหน้าที่น้องจะเข้าโรงพยาบาลอีกครั้งแล้วเสียชีวิต ได้ให้เพื่อน ๆ ในเฟซบุ๊กทำจดหมายส่งไปที่อเมริกา ซึ่งทางอเมริกาก็ตอบรับและทุกคนในโรงพยาบาลทราบเรื่องน้องโมจิกันหมด ทำให้ตนดีใจมากเริ่มมีความหวังขึ้นมาแล้ว และเตรียมตัวจะไปอเมริกาเลยทันที

แต่แล้วความหวังที่จะพาน้องโมจิไปรักษาที่อเมริกาก็ต้องพังทลาย เมื่อน้องโมจิอาการทรุดลง

ตอนนั้นคุณแม่ทำใจไม่ได้ แต่ก็เข้มแข็งบอกกับคุณหมอไปว่า… ถ้าลูกไม่ไหวก็ต้องปล่อยลูกไป เพราะตนไม่อยากเห็นแก่ตัวยื้อให้ลูกอยู่เพื่อเราแต่ลูกเจ็บ

 


 

“ตอนนั้นน้องโมจิตัวเหลือง สักพักก็หน้าซีด ปากม่วง และก็ส่งเสียงครวญครางเหมือนเสียงเด็กอ้อแอ้ แต่คุณหมอบอกว่าเป็นอาการชักเงียบของน้อง เพราะมีอาการตาค้าง เกรงมือ สักพักก็ต้องครอบออกซิเจนให้น้อง แต่ทุกอย่างก็ทรุดลงอย่างรวดเร็ว น้องโมจิชีพจรต่ำลงมาก ซึ่งคุณหมอพูดคำว่า ‘กำลังช่วยชีวิตน้องอยู่’ ทำให้เรารู้เลยว่าอาการเข้าขั้นวิกฤติแล้วแน่นอน เราได้ยินแค่ว่าต้องให้ด่างเพื่อไปเพิ่มค่าใบคาบ รู้แค่นั้น… ต่อมาคุณหมอก็บอกอีกว่า อาการของน้องแย่ลงกว่าเดิม เพราะพบว่าหัวใจน้องโตมาก ระบบทำงานไม่ดี ทางคุณหมอก็ช่วยเต็มที่ฉีดยาขยายหลอดเลือด พยายามช่วยน้องทุก ๆ อย่าง”

 

“ถ้าลูกไม่ไหวจริง ๆ ก็ต้องปล่อยลูกไป เขาเจ็บมาเยอะเหลือเกิน เราปรึกษากันถึงข้อดีข้อเสีย ถ้าผ่าตัดแล้วลูกกลับมา ในสภาพไหนพ่อกับแม่ก็เลี้ยงได้ แต่ลูกก็จะทุกข์ จะเข้าไอซียูอีกไม่รู้กี่ครั้ง เลยไม่อยากเห็นแก่ตัวอีก เขาเจ็บกว่าเรามาก จะรั้งเขาไว้ก็ไม่ดี… พอตกลงกันว่าจะปล่อยน้องโมจิไปก็เลยไปขอพยายามอุ้ม ไปกอดเขาลูบหัว บอกเขาว่าไปให้สบายนะลูก แล้วถ้าชาติหน้ามีจริงกลับมาเกิดเป็นลูกแม่ใหม่ ระหว่างที่ลูบหัวน้องไปบางครั้งก็เหมือนชีพจรก็จะขึ้นเด้งกลับมาอีก ก็เลยลูบหัวลูกบอกว่าลูกไม่ต้องห่วงว่าพ่อแม่จะเสียใจนะ ไปสบายเถอะลูก หลังจากนั้นประมาณ 15 นาที ชีพจรของลูกก็แผ่วลงเรื่อย ๆ และค่อย ๆ จากไปคาอ้อมกอดของตน”

 

ส่วนคุณพ่อของน้องโมจิ กล่าวว่า ตนอยากจะขอบคุณคุณหมอทุกท่านที่ให้การช่วยเหลือน้องโมจิมาตลอด ไม่อยากให้หมอเครียดหรือเสียใจที่ช่วยชีวิตน้องไม่ได้ เพราะตนเห็นว่าทุกคนช่วยเหลืออย่างดีที่สุด ส่วนที่ตนไปหาหลาย ๆ ที่นั้น ก็เป็นเพียงความหวังทางใจของพวกตนเท่านั้น ไม่อยากให้คุณหมอทุกท่านคิดมาก

 

 

 

 

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...