จักรพรรดินีเอลิซาเบธแห่งออสเตรียผู้เลอโฉม

 

 

 

 

 

 

 

 

 

จักรพรรดินีแห่งออสเตรียและราชินีแห่งฮังการี (พระองค์เดียวกัน) พระนามว่า เอลิซาเบ็ธ หรือ รู้จักกันในพระนามเล่นว่า ซิซี่ (Sisi) [ขออนุยาติไม่ใช้คำราชาศัพท์นะคะ  กลัวจะใช้ผิดและไม่เหมาะสม]
ซิซี่คือหญิงงามเชื้อสายบาวาเรีย บิดาเป็นดยุคและมารดาเป็นพระธิดาแห่งกษัตริย์ บาวาเรีย ซิซี่มีกำเนิดอันสูงส่ง เพียบพร้อม มีความงดงามอันหาที่เปรียบแทบมิได้ เธอได้พบรักและอภิเษกสมรสกับจักรพรรดิแห่งออสเตรียตั้งแต่อายุเพียงสิบห้าปี ซึ่งต่อมาจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟพระสวามีก็ได้ทรงครองตำแหน่งกษัตริย์แห่งแคว้นฮังการี ทำให้เธอกลายเป็นราชินีแห่งฮังการีไปด้วยพร้อมกัน ฟังดูแล้วน่าจะเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลกนะคะ 


เทพนิยายมักลงเอยว่า แล้วเจ้าชายกับเจ้าหญิงก็อยู่กันเป็นสุขตลอดไป แต่ในประวัติศาสตร์ ยากที่จะเป็นเช่นนั้น

เทพนิยายทั้งหลายไม่เคยบอกว่าซินเดอเรลลา สโนไวท์และเจ้าหญิงนิทราต้องปรับตัวเมื่อแต่งงานเข้าวังไปกับเจ้าชายแล้ว แต่ในชีวิตจริงของซิสซี่ เมื่อกลับมาถึงปราสาท ภาระหน้าที่ขนาดมหึมาของจักรพรรดินีก็ถูกทับถมลงมาบนบ่า เธอต้องเรียนรู้ราชประเพณีอันเข้มงวดของราชสำนัก เรียนรู้การแต่งกายให้ถูกต้องเหมาะสมกับตำแหน่งในโอกาสและพิธีต่างๆ เรียนรู้บทบาทหน้าที่ของบรรดา    ข้าราชสำนักสำคัญๆที่จะต้องมารายล้อมอยู่รอบตัวเธอ เรียนภาษาและประวัติศาสตร์ของออสเตรีย เพื่อจะได้รู้เรื่องราชบัลลังก์และการปกครองที่เธอจะต้องใช้ในอนาคตอันใกล้

 

 



จากเด็กสาวอายุ 15 ปี ที่มีชีวิตสงบและสนุกสนานไปวันๆกับขี่ม้า เลี้ยงหมา เลี้ยงนกไปตามเรื่อง เธอกลายเป็นคนสำคัญขึ้นมาทันทีทันควัน  มีบุคคลแปลกๆมาขอเข้าพบเธอไม่เว้นแต่ละวัน จิตรกรแห่งราชสำนักเข้ามาวาดรูปเธอ ดีไซเนอร์มาวัดตัวและให้ลองเสื้อผ้าหรูหราเหมาะสมกับตำแหน่งจักรพรรดินี ช่างทองต่างก็มาเสนอเครื่องเพชรนิลจินดาให้ลองไม่เว้นแต่ละวัน  
ซิสซี่ถึงกับบ่นว่าเธอรู้สึกตัวเหมือนรังผึ้ง ที่มีแต่ผึ้งนานาชนิดบินว่อนเข้าๆออกๆเต็มไปหมด

 

 

ซิสซี่มีโอกาสพบคู่หมั้นเพียง 3 วันเท่านั้นเมื่อจักรพรรดิเสด็จมาเยี่ยมเธอช่วงวันคริสต์มาส แต่แล้วก็ต้องรีบกลับไปเวียนนา เพราะพระภารกิจในฐานะกษัตริย์รออยู่เต็มมือ สิ่งที่ซิสซี่ไม่รู้ก็คือ ราชอาณาจักรออสเตรียกำลังเสื่อม เริ่มมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าลุงของจักรพรรดิฟรานซ์โจเซฟแล้ว พระอนามัยที่อ่อนแอเพราะโรคลมชัก บวกกับพระปรีชาที่ไม่ค่อยจะสามารถนักทำให้อำนาจตกไปอยู่ในมือเสนาบดีมากเกินเหตุ จนเกิดกบฏขึ้น เมื่อสละราชบัลลังก์ หลานชายขึ้นครองแทนอำนาจของออสเตรียก็ยังไม่แข็งแกร่งอย่างในอดีตอยู่ดี

6 เดือนหลังจากหมั้น ซิสซี่ก็เดินทางจากปราสาทของเธอมาเวียนนา เข้าสู่พิธีอภิเษกสมรส กลายเป็นจักรพรรดินีเมื่ออายุได้ 16 ปี


 

 

 

     ในฐานะเจ้าสาวคนสำคัญที่สุดในราชอาณาจักรออสเตรีย บิดามารดาของซิสซี่เตรียม "ทรูโซ" ไว้ให้ลูกสาวอย่างโอ่อ่าสมเกียรติ  ประกอบด้วยเสื้อผ้าถึง 358 ชุด รองเท้า และเครื่องประกอบเสื้อผ้า เมื่อมาถึงพระราชวัง เข้าเฝ้าสมเด็จป้าโซฟี เธอก็ได้พบบรรดานางพระกำนัลใหญ่น้อย มหาดเล็ก และข้าราชบริพารรออยู่เป็นกองทัพ

 



    ขออธิบายเพิ่มเติมว่า ทรูโซ หรือ trousseau  หมายถึง เสื้อผ้าที่เจ้าสาวเตรียมไว้ล่วงหน้าก่อนแต่งงาน เพื่อจะนำไปใช้ในชีวิตใหม่ของเธอ รวมทั้งชุดชั้นนอก ชุดชั้นใน ตลอดจนชุดเครื่องนอนเช่นผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน และผ้านวมด้วย   

 


    สมัยก่อนการแต่งงานเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตของหญิงสาวอีกขั้นตอนใหญ่ในชีวิต เสื้อผ้าทรูโซมีทั้งชุดวิวาห์ ชุดที่จะแต่งช่วงไปฮันนีมูน และใช้ในชีวิตประจำวันหลังจากนั้น เพราะไม่มีเสื้อผ้าสำเร็จรูปให้ซื้อได้ปีละ 365+ ชุดเหมือนปัจจุบันนี้
    ถ้าเป็นเจ้าสาวชาวบ้านธรรมดา ก็จะเย็บทรูโซด้วยตัวเอง ถ้าเป็นเจ้าสาวฐานะดี ก็จะสั่งช่างเย็บผ้ามาวัดตัว ตัดเสื้อผ้าใหม่ๆให้ ยิ่งฐานะในสังคมสูงเท่าไร ทรูโซของเธอก็จะอลังการมากเท่านั้น

ซิสซี่ไม่อาจมองเห็นล่วงหน้าได้ว่า  ชีวิตใหม่ที่ยิ่งใหญ่  มีความทุกข์โศกแสนสาหัสเข้าคิวรอกันอยู่เป็นขบวนยาวเหยียด   ซึ่งหางขบวนยาวไปจนนาทีสุดท้ายในชีวิตของเธอ
ส่วนหัวขบวนรอเธออยู่แล้วในพระราชวังไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก สมเด็จป้าโซฟี  แม่ผัวผู้ทรงอำนาจของเธอนั่นเอง

ทั้งๆซิสซี่เป็นหลานแท้ๆ แต่อาชดัชเชสโซฟีก็ไม่ชอบหน้าซิสซี่ตั้งแต่แรกเธอเห็นว่าซิสซี่เป็นเด็กผู้หญิงที่กระโดกกระเดก ชอบขี่ม้าออกไปกลางแจ้ง  มากกว่าจะสงบเสงี่ยมอยู่ในกรอบประเพณีเป็นเด็กหัวแข็งไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่ยากแก่การปกครอง
ด้วยเหตุนี้ อาชดัชเชสจึงค้านเสียงแข็งไม่อยากได้ซิสซี่มาเป็นสะใภ้แต่ในเมื่อขัดใจลูกชายไม่ได้ความผิดทั้งหมดก็เลยเทไปลงที่ซิสซี่ แทนที่จะโกรธจักรพรรดิฟรานซ์โจเซฟ ที่ไม่เชื่อฟังแม่
เมื่อซิสซี่ได้ตำแหน่งจักรพรรดินีเธอจึงได้แม่สามีแบบคุณนายน้อมแห่ง"วนิดา"  มาด้วยเป็นของแถมชิ้นใหญ่

 

 ภาพของอาชดัชเชส

ซิสซี่กลายเป็นนกน้อยในกรงทอง มีแม่ผัวเป็นคนถือกุญแจกรง อาชดัชเชสโซฟีเป็นคนเข้มงวดเรื่องพิธีการและขนบธรรมเนียมประเพณี เธอขีดกรอบให้ลูกสะใภ้อย่างเคร่งครัด ส่วนซิสซี่ตรงกันข้าม ความรักอิสระตั้งแต่เด็กทำให้เธอรังเกียจพิธีการทั้งหลายแหล่ที่ผูกมัดตัวเธออยู่ แม่ผัวลูกสะใภ้จึงปะทะกันไปเกือบทุกเรื่องก็ว่าได้

 

 

หน้าที่สำคัญของจักรพรรดินี คือสร้างรัชทายาทให้ราชบัลลังก์ ซิสซี่ตั้งครรภ์และคลอด 2 ครั้ง แต่ก็ผิดหวังเมื่อเป็นธิดาทั้ง 2 ครั้ง ทรงพระนามว่าเจ้าหญิงโซฟีและเจ้าหญิงจิเซล่า ความเศร้าโศกของเธอคือหนึ่งในจำนวนนี้ก็สิ้นพระชนม์ไปตั้งแต่เป็นทารก ต่อเมื่อตั้งครรภ์ครั้งที่ 3 จึงได้รัชทายาทที่ทุกคนรอคอยมานาน คือเจ้าชายรูดอล์ฟ 

ซิสซี่ไม่มีโอกาสจะเลี้ยงดูโอรสธิดาทุกองค์เอง เจ้าหญิงเจ้าชายน้อยๆถูกพรากจากแม่ไปอยู่ในมือสมเด็จย่าซึ่งเอาตัวไปเลี้ยงเสียเอง  ด้วยเหตุผลว่าจะได้เลี้ยงดูให้เติบโตขึ้นมาอย่างถูกต้องสมเป็นเจ้าเป็นนาย ทั้งๆซิสซี่เศร้าโศก เธอก็ไม่อาจขัดขืนแม่ผัวผู้ทรงอำนาจได้อยู่ดี

เมื่ออยู่ในตำแหน่ง แต่ไม่มีอำนาจในราชสำนัก ซิสซี่ก็หันเข้าหาสิ่งเดียวที่เธอควบคุมได้ คือตัวเธอเอง เธอกลายเป็นผู้หญิงที่เข้มงวดกับรูปร่างและความสวยงามจนเกินเหตุ สมัยนั้นผู้หญิงมีลูกแล้วมักจะปล่อยตัวให้อ้วนขึ้นตามธรรมชาติแต่ซิสซี่ควบคุมไม่ให้น้ำหนักเกิน 105 ปอนด์ สำหรับความสูง 5 ฟุต 6 นิ้ว ด้วยการจำกัดอาหารอย่างเคร่งครัด ดื่มแต่น้ำผลไม้และทานเฉพาะอาหารปรุงพิเศษ ไม่ทานของหวาน ไม่ทานเนื้อ ไม่ทานแป้งอย่างคนอื่นๆ  เพื่อเอวเธอจะได้เล็กอยู่เพียง 20 นิ้วเท่านั้น
เธอสร้างห้องมีเครื่องมือออกกำลังกายไว้ เพื่อจะได้ออกกำลังทุกวัน ออกไปขี่ม้าวันละ8 ชั่วโมงเป็นการออกกำลังกลางแจ้ง

 

 

สังเกตวิธีขี่ม้าของซิสซี่  คือขี่แบบที่เรียกกันว่า sidesaddle ไม่ได้นั่งคร่อมอานอย่างนักขี่ม้าสมัยนี้ ผู้หญิงสมัยปลายศตวรรษที่ 19  ยังนุ่งกระโปรงยาวรุ่มร่าม แม้แต่ในชุดขี่ม้า เวลาขี่ก็คือนั่งเบี่ยงตัว วางก้นและสะโพกไว้บนอานหลังม้า  แต่ขาทั้งสองห้อยรวมอยู่ด้านเดียว เป็นท่านั่งที่ยากมาก ถ้าไม่ลื่นตกจากอาน ก็อาจจะหล่นจากหลังม้าได้ง่ายๆ ตอนม้าวิ่งหรือกระโจนข้ามสิ่งกีดขวาง
ซิสซี่ขี่ม้าได้วันละหลายๆชั่วโมง ถือว่าทรงตัวเก่งมาก  ยิ่งฝึกม้าเอง ก็ต้องถือว่าขี่ม้าได้ยอดเยี่ยม

เหตุการณ์ที่สะเทือนใจซิสซี่ถึงที่สุด คือการสูญเสียเจ้าชายรูดอล์ฟไปอย่างกะทันหัน เมื่อวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1889   

 

เจ้าชายรูดอล์ฟ

 

เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องช็อคคนทั้งยุโรปก็ว่าได้ ผู้ที่กระทบกระเทือนใจมากที่สุดคือจักรพรรดิและจักรพรรดินี ผู้สูญเสียรัชทายาทไปอย่างไม่คาดฝันในชั่วคืน เนื่องจากเจ้าชายเป็นพระโอรสองค์เดียว ออสเตรียไม่มีการสืบราชบัลลังก์ผ่านทางผู้หญิงดังนั้น ก็แปลว่ารัชทายาทจะต้องเปลี่ยนเป็นเจ้าชายพระญาติห่างออกไป ไม่ใช่เจ้าหญิงพระธิดาองค์ใดองค์หนึ่งของซิสซี่

เหตุการณ์นี้สะเทือนใจซิสซี่ถึงที่สุด จนทำให้เธอ แต่งดำ ตลอดนับจากนั้น

 



สิบปีหลังจากเจ้าชายรูดอล์ฟสิ้นพระชนม์  ซิสซี่เปลี่ยนจากหญิงวัยกลางคนเป็นหญิงชรา เธอเดินทางไปที่ต่างๆ โดยไม่ให้ตำรวจประจำเมืองต่างๆมาอารักขา  เธอใช้ชื่อปลอม เดินทางไปไหนมาไหนกับนางพระกำนัลเพียงคนเดียว

วันที่ 10 กันยายน ค.ศ. 1870 เมื่อซิสซี่อายุได้ 60 ปี   เดินทางอยู่ในเจนีวา เธอกำลังเดินอยู่ตามทางเลียบทะเลสาบเพื่อจะไปลงเรือ  พร้อมกับนางกำนัลเดินตามมาด้วย  ก็มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งพรวดเข้ามาถึงตัว แล้วแทงเธอเต็มแรงด้วยมีดปลายแหลม

 



ชายคนนั้นเป็นนักอนาธิปไตย (anarchist) พวกหัวรุนแรง เขาเป็นชาวอิตาเลียนชื่อ ลุยกิ ลูซินี ซึ่งตั้งใจว่าจะต้องฆ่าบุคคลสำคัญคนใดคนหนึ่งให้ได้ เพื่อตอบสนองอุดมการณ์บ้าคลั่งของเขา
ก่อนหน้านี้เขาตั้งใจจะลอบสังหารดยุคแห่งออเลองส์ แต่ยังหาโอกาสไม่ได้  พอดีอ่านพบข่าวในหนังสือพิมพ์ว่าจักรพรรดินีแห่งออสเตรียเสด็จมาเจนีวา แม้ไม่มีรายละเอียดอะไรมากกว่านั้น แต่เมื่อเขาเห็นหญิงสูงวัย  รูปโฉมงามสง่าผิดจากสามัญชนทั่วไป เดินอยู่โดดเดี่ยวบนทางเลียบทะเลสาบ มีแค่ผู้หญิงอีกคนเดินตามหลังมาด้วย   เขาก็รู้ทันทีว่านี่คือเหยื่อสำคัญที่จะทำให้ชื่อเขาถูกจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์ชั่วกาลนาน

 

 

พอแทงสวบเข้าไปแล้ว คนร้ายก็วิ่งหนีไป   ซิสซี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอได้รับบาดเจ็บสาหัสเสื้อสีดำ และคอร์เซ็ตต์หรือชุดชั้นในรัดรูปที่เธอสวมอยู่ข้างในซับเลือดมิให้ไหลออกมาภายนอกเมื่อนางกำนัลเข้ามาถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า  เธอก็ตอบว่า "ไม่มีอะไร"
เธอตัดสินใจเดินลงเรือไปตามปกติ  แต่อาการผิดปกติคงทวีขึ้นจากนั้น   เมื่อถอดเสื้อนอกและคอร์เซ็ตต์ออกจึงเห็นเลือดไหลนองจากแผล   เธอจึงถูกหามกลับขึ้นจากเรือ แต่ก็สิ้นลมไปบนเปลหามนั้นเอง

ฆาตกรถูกจับตัวได้ภายในวันนั้นเอง     เขาเชื่อว่าสิ่งที่ทำลงไปคือล้มล้างตัวแทนของระบอบ "เจ้านาย" ที่เขาเกลียดชังมาตลอด  แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ ผู้ที่เขาฆ่า คือหญิงคนหนึ่งที่อยู่อย่างอ้างว้างและระทมทุกข์มาเป็นเวลาหลายสิบปีความตายได้ช่วยปลดเปลื้องเธอจากชีวิตที่ไร้จุดหมาย แทนที่จะให้อยู่อย่างว่างเปล่าต่อไปอีกนานหลายปี   และส่งเธอให้กลายเป็นตำนานที่ไม่รู้จักตาย มาจนทุกวันนี้

 

 เพลงนี้นักร้องชาวดัทช์  Petra Berger อุทิศให้ซิสซี่

 

 

 

Sisi, 

 

I know you’re sad

 

Through all the hurt you’ve had

 

I can’t make it right

 

Can’t win your fight

 

Although I’d like to

 

 

 

You married far too young

 

You were a precious one

 

He stole you away

 

A new role to play

 

The empress of Austria

 

If I had a wish

 

I wouldn’t miss

 

My chance to say

 

 

 

Sisi I’d braid your hair

 

Brush away all despair

 

You flirted with death

 

To take your last breath

 

And lead you to heaven

 

 

 

Sisi, it makes me sad

 

You had your babies too

 

Taken away from you

 

How did you survive

 

So long in that life

 

I couldn’t do it

 

Let’s dream that you’ll be

 

Barefoot and free

 

With all your children

 

 

 

Sisi, I’d braid your hair

 

Brush away all despair

 

 

 

 

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...