มิตรภาพที่ไม่น่าเชื่อของสัตว์โลก

 

สัตว์บางชนิดถูกมองว่าต้องเป็นศัตรูกันตลอดกาล แต่ในความเป็นจริงแล้วบางครั้งก็เกิดเหตุการณ์แปลกๆ ที่ทำให้สัตว์สองชนิดที่ไม่น่าจะเข้ากันได้กลายมาเป็นเพื่อนกัน ลองมาดูเรื่องราวเล็กๆน้อยๆของสัตว์เหล่านี้กันค่ะ

 

...หนูแฮมสเตอร์กับงู...

 

 

หนูแฮมสเตอร์ (และหนูชนิดอื่นๆ) เป็นอาหารสุดโปรดของพวกงูซึ่งชอบกินหนูมากเสียจนมักจะถูกจับได้ขณะพวกมันนอนอยู่ในกรงแฮมสเตอร์หนีออกไปไหนไม่ได้เพราะเพิ่งเขมือบหนูเข้าไปเต็มท้องจนตัวใหญ่เกินกว่าจะลอดผ่านกรงไปได้ และปกติแล้วถ้างูเห็นหนูเมื่อไหร่มันก็จะลืมทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ได้จับหนูกินเท่านั้น

Aochan เองก็เป็นงูพันธุ์ Rat Snake ในสวนสัตว์โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งธรรมดาแล้วงูสายพันธุ์นี้จะชอบกินหนูมากกระทั่งบางครั้งมันจะถูกนำมาใช้เพื่อกำจัดหนูในไร่ แต่เมื่อ Aochan ไม่ยอมกินหนูแช่แข็งที่คนดูแลเอามาให้ พนักงานสวนสัตว์จึงตกลงกันว่า มันคงอยากจะกินหนูเป็นๆ มากกว่า

ดังนั้น คนดูแลสวนสัตว์จึงนำเอาหนูแฮมสเตอร์แคระมาปล่อยไว้ในกรงของ Aochan แต่เรื่องน่าประหลาดใจก็เกิดขึ้นเมื่อแฮมสเตอร์สาวไม่มีท่าทีกลัวเลยแม้แต่น้อย มันตรงเข้าไปหา Aochan ปืนขึ้นไปบนหลัง และนอนหลับสบายใจซะอย่างนั้น ส่วนเจ้างู Aochan ไม่ทำอะไรเจ้าหนูเลยแม้แต่น้อย แล้วทั้งสองก็กลายเป็นเพื่อนกันนับตั้งแต่นั้น

มิตรภาพของทั้งสองนี้เป็นอะไรที่ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย Aochan ก็เป็นแค่งูธรรมดาๆ ตัวหนึ่งที่ชอบกินหนู และมันเองก็ไม่ได้กินอะไรมาหลายสัปดาห์แล้ว  เมื่อเจ้าหน้าที่ดูแลเห็นว่ามันไม่ยอมกินหนูเป็นๆ ที่เอาไปให้ พวกเขาเลยลองเอาหนูแช่แข็งให้มันกินอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้มันก็ยอมกินแต่โดยดี ดูเหมือนว่าทั้งสองแค่บังเอิญถูกชะตาแล้วอยู่ด้วยกันได้เท่านั้น ส่วนเจ้าหนูต่อมาก็ถูกตั้งชื่อเล่นว่า Gohan ซึ่งแปลว่า "อาหาร"

...แม่สิงห์รับเลี้ยงลูกออริกซ์...

 

ในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ.2001 พนักงานที่เขตอนุรักษ์แห่งชาติแซมบูรู ประเทศเคนยา ต่างพากันประหลาดใจเมื่อพบกับสิงโตตัวเมียกำลังเดินอยู่ในทุ่งพร้อมกับลูกออริกซ์ (Orxy เป็นสัตว์กีบชนิดหนึ่งคล้ายๆกวาง) ซึ่งก็สมควรจะประหลาดใจเพราะออริกซ์เป็นอาหารสุดโปรดของสัตว์จำพวกเสือและสิงโตในแอฟริกา เนื่องจากมีขนาดที่เล็กกว่าสัตว์กีบพันธุ์อื่น จึงทำให้ล่าได้ง่ายกว่า

ที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่านั้นคือ เดิมทีแล้วสิงโตตัวนี้ที่ชื่อว่า Larsens ทำให้แม่ออริกซ์ตกใจแล้ววิ่งหนีไป แทนที่มันจะวิ่งไล่ตามไปเหมือนปกติ มันกลับตัดสินใจเลี้ยงลูกออริกซ์ที่โดนทิ้งเอาไว้เหมือนกับเป็นลูกของมันแทน มันถึงกับปกป้องลูกออริกซ์น้อยจากสัตว์นักล่าตัวอื่นๆ ด้วยซ้ำ

แต่อย่างไรก็ตาม Larsens เองก็ตามปกป้องลูกออริกซ์ตลอดเวลาไม่ได้ วันหนึ่งขณะที่มันกำลังงีบหลับ สิงโตตัวผู้ตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้นและจับลูกออริกซ์กินเสียโดยที่ Larsens ไม่ทันรู้ตัว

แต่เรื่องไม่จบเพียงเท่านี้ หลังจากนั้นอีก 2 เดือนถัดมามันก็โผล่มาพร้อมกับลูกออริกซ์ตัวใหม่ คราวนี้ผู้ดูแลที่เฝ้าดูสถานการณ์อยู่ตัดสินใจแยกลูกออริกซ์ตัวนี้ออกมาจากมัน แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะหลังจากนั้น Larsens ก็โผล่มาใหม่พร้อมกับลูกออริกซ์ตัวที่ 3

คราวนี้ผู้ดูแลยอมแพ้กับนิสัยแปลกๆ ของมันแล้วยอมปล่อยให้มันดูแลลูกออริกซ์ต่อไป โดยคอยเฝ้าดูสถานการณ์อยู่ห่างๆ แทน

...แมวกับอีกา...

สัตว์ในเรื่องต่อไปนี้ถึงแม้จะไม่ได้มีความสัมพันธ์เป็นนักล่ากับเหยื่อ แต่ก็ไม่น่าจะเข้ากันได้เลยสักนิดเพราะทั้งคู่เป็นอีกากับแมว ซึ่งเป็นที่รู้ๆ กันอยู่ว่าแมวเป็นสัตว์รักอิสระที่มักจะฆ่านกหรือจับสัตว์ปีกอื่นๆ ที่เข้ามาใกล้ ในขณะที่อีกาก็จะอยู่กันเป็นฝูงใหญ่ไม่ยุ่งกับสัตว์ชนิดอื่น แต่ Ann และ Wallace Collito ก็ต้องแปลกใจเมื่อสวนหลังบ้านของพวกเขากลายเป็นสถานที่ของคู่ซี้แมวและอีกา ที่น่าแปลกถึงขนาดกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับหนังสือนิทานเรื่องนี้

เรื่องเริ่มขี้นเมื่อครอบครัว Collito พบลูกแมวป่วยที่สวนหลังบ้าน แต่ก่อนที่จะได้เข้าไปช่วยลูกแมวนั้น ก็มีอีกาตัวหนึ่งเข้าไปหาลูกแมวพร้อมกับคาบไส้เดือนและแมลงไปให้ด้วย อีกทั้งยังป้อนอาหารเหล่านี้ถึงปากลูกแมวเหมือนกำลังป้องอาหารให้ลูกไม่ผิดเพี้ยน เมื่อครอบครัว Collito พยายามจะเข้าไปดูใกล้ๆ อีกาตัวนี้ก็ตั้งท่าปกป้องลูกแมว โดยการเอาตัวเข้าไปขวางทางไม่ให้เข้าใกล้

ความสัมพันธ์ของสัตว์ทั้งสองดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพวกมันเรียนรู้ที่จะไว้ใจมนุษย์เจ้าของบ้าน เจ้าอีกา (ซึ่งได้ชื่อว่า Moses) ยอมให้เจ้าแมว (ได้ชื่อว่า Cassie) นอนในบ้านได้ แต่ตอนกลางวันเจ้า Cassie ก็จะออกมาเล่นกับแม่อีกาของมัน และถ้าวันไหนมันไม่ยอมออกมาจากบ้านเสียที อีกาก็จะเดินไปดูที่ประตูบ้านเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น

นักวิทยาศาสตร์พากันงุนงนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ที่สัตว์สองชนิดนี้จะรักกันดี เมื่อหาเหตุผลไม่ได้นักวิทยาศาสตร์ก็เลยสรุปว่า อีกาเป็นสัตว์ที่มักจะมีพฤติกรรมคาดไม่ถึงที่ทำให้มนุษย์ประหลาดใจอยู่แล้ว บ้างก็เชื่อว่าอีกาตัวนี้เลี้ยงดูลูกแมวแทนลูกของมันที่ตายไป แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ มันก็น่าจะทิ้งเจ้าแมวตัวนี้ไปนานแล้ว เพราะปกติอีกาก็ทิ้งลูกของมันไปเมื่อเติบโตขึ้น แต่มันกลับอยู่ด้วยกันและเจอกันทุกวันมาเป็นเวลา 5 ปีแล้ว

...มนุษย์กับสิงโต...

ในปี ค.ศ.1969 ที่ประเทศอังกฤษ John Rendall และ Anthony Bourke ตัดสินใจหาสัตว์เลี้ยงแปลกๆ มาเลี้ยงไว้เป็นเพื่อน ทั้งคู่ไปยังห้าง Harrods ซึ่งสมัยนั้นมีส่วนที่ขายสัตว์แปลกๆ อยู่ด้วย ในตอนแรกทั้งคู่ตั้งใจจะซื้ออูฐมาเลี้ยง แต่เมื่อไปถึงทั้งสองก็ได้พบกับลูกสิงโตที่อยู่ในกรงจึงตัดสินใจได้ว่า เรามาเลี้ยงสิงโตกันแทนดีกว่า

สิงโตน้อยตัวนี้ถูกตั้งชื่อว่า Christian ทั้งสองพามันกลับไปอยู่ด้วยที่อพาร์ทเม้นท์ในเมืองลอนดอน Christian เป็นสิงโตที่น่ารักและเป็นมิตรมาก มันชอบทำท่ากอดแบบสิงโต โดยการกระโดดเอาข้างหน้าไปวางไว้บนไหล่ของคน

แต่เมื่อเวลาผ่านไป Rendall และ Bourke ก็ตระหนักได้ว่า ไม่ว่า Christian จะน่ารักแค่ไหน มันก็ยังคงเป็นสิงโตอยู่วันยังค่ำ ตัวมันใหญ่ขึ้นมากจนเจ้าของมันเริ่มเป็นห่วงว่ามันอาจจะไปทำอันตรายคนอื่นเข้า ทั้งสองจึงไปพบกับ George Adamson นักอนุรักษ์ธรรมชาติเพื่อหาวิธีปล่อย Chriatian กลับคืนสู่ป่า ซึ่งส่วนใหญ่แล้วสัตว์ป่าที่ลูกเลี้ยงไว้ในบ้านมักจะมีปัญหาในการกลับเข้าไปอยู่ในป่า แต่ Christian กลับปรับตัวได้ดีและได้กลายเป็นจ่าฝูงสิงโตในเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าที่ประเทศเคนยา

หลายปีต่อมา Rendall และ Bourke ซึ่งคิดถึงสัตว์เลี้ยงที่รักของตัวเองมากตัดสินใจกลับไปยังประเทศเคนยาเพื่อเยี่ยม Christian ทั้งๆ ที่ได้รับคำเตือนว่า ตอนนี้ Christian ได้กลายเป็นสัตว์ป่าเต็มตัวแล้ว และมันอาจจะทำอันตรายพวกเขาได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อไปถึง ทั้งคู่ยืนประจันหน้ากับ Christian ซึ่งตอนนี้กลายเป็นสิงโตเจ้าป่า มันมองพวกเขาด้วยความสนใจ ก่อนที่จะวิ่งเข้ามาหาและทำท่ากอดแบบสิงโตแบบที่เคยทำอย่างตื่นเต้นเหมือนเคย

 

ที่มา : Cracked

แปลและเรียบเรียงโดยทีมงาน

everyday-readers.com

 

15 เม.ย. 56 เวลา 21:23 2,873 1 70
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...