คู่รักเลิกกันไป 14 ปี กลับมารักกันอีกครั้ง เพราะพรหมลิขิต...ที่ชื่อว่าเฟซบุ๊ก



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการตีสิบ โพสต์โดย socialvio.com

            หลายคนยังจำรักแรกของตัวเองได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ความรักครั้งแรกของบางคนได้ปิดฉากลงไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการปิดฉากจากกันด้วยรอยยิ้ม หรือน้ำตา ดั่งคำที่บอกไว้ว่า... "รักแรก ลืมยาก"นั่นเอง ส่วนในวันนี้ รายการตีสิบ (26 กุมภาพันธ์) ได้นำเรื่องราวความรักของว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวคู่หนึ่ง ซึ่งเขาทั้งคู่เคยเป็นรักแรกของกันและกัน... แต่แล้วก็ต้องมีเหตุการณ์ที่ทำให้พวกเขาแยกทางกันนานถึง 14 ปี โดยที่ไม่รู้ว่า.. "พรหมลิขิต" จะเป็นตัวขีดเส้นทางให้รักแรกที่จบลงไปแล้วนานแสนนาน มาเป็นความรักสุดท้ายในชีวิต...อะอะ แอบกระซิบบอกสักหน่อยว่า พรหมลิขิตความรักครั้งนี้มี ชื่อ "เฟซบุ๊ก" ^ ^

            โดยว่าที่เจ้าสาวคนสวยมีชื่อเสียงเรียงนามว่า คุณโอ๋ ธนิดา ตั้งวณิชเจริญ ส่วนว่าที่เจ้าบ่าวชื่อ คุณก้อง ชวชล เศรษฐอุดม ซึ่งคุณโอ๋ ขอเท้าความเล่าถึงความรักครั้งแรกให้ฟังว่า... ตนกับพี่ก้องเป็นพี่น้องร่วมคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ตนอยู่ปี 1 พี่ก้องอยู่ปี 3 ซึ่งตอนนั้นตนอ้วน ดำ ตาตี่ ไม่สวยเลย ส่วนพี่ก้องเขาสูงผอมหล่อเหลา ตนก็แอบชอบพี่ก้องตามประสารุ่นน้องแอบชอบรุ่นพี่ แต่ก็ได้แค่แอบชอบ แอบปลื้มเท่านั้น ตนขอมองอยู่ห่าง ๆ ไม่กล้าที่จะสารภาพรัก จนเพื่อน ๆ จับสังเกตได้ว่าตนแอบชอบพี่ก้อง เลยไปบอกพี่ก้องซะอย่างนั้น และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของความรักครั้งแรก

            คุณโอ๋ เล่าเรื่องราวความรักให้ฟังต่อว่า ตอนนั้นเมื่อพี่ก้องตกลงใจคบกับตนนั้น ตนดีใจมาก แต่ด้วยตนยังเป็นเด็ก มีความเอาแต่ใจสูง ขี้วีนขี้เหวี่ยง ทำให้ตนกับพี่ก้องทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง ส่วนพี่ก้องเขาก็ยอมตนมาตลอด พาตนไปเที่ยว คอยดูแลเทคแคร์ตนเป็นอย่างดี ทำให้ตนยิ่งได้ใจ เอาแต่ใจมากขึ้นไปอีก...

            "เรียกได้ว่าโอ๋หยิ่งและเอาแต่ใจมาก โอ๋เกิดวันที่ 6 สิงหาคม แต่พี่ก้องเขาลืมวันเกิดโอ๋ และเขาติดงานที่สโมสรคณะ ทำให้โอ๋ไม่พอใจมาก ซึ่งพอวันรุ่งขึ้น พี่ก้องเขาช่อดอกกุกลาบสีโอรสมาให้โอ๋ที่หน้าหอหญิง ซึ่งก็มีเพื่อน ๆ ของโอ๋อยู่เต็มไปหมด แต่โอ๋กลับบอกเขาว่า พี่ก้องมาทำไม เดินมาทำไม วันนี้ไม่ใช่วันเกิดโอ๋ จากนั้นโอ๋ก็เอาดอกไม้มาโยนทิ้งตรงนั้น ต่อหน้าเพื่อน ๆ ทั้งหมด"

            ถ้าถามว่าตอนนั้นรู้สึกผิดไหม คุณโอ๋บอกว่า ไม่รู้สึกผิดเลย เพราะพี่ก้องเป็นคนจำวันเกิดเธอผิดเอง แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าทำเกินไปจริง ๆ ส่วนเหตุการณ์ในวันนั้นพี่ก้องเขาก็หน้าเสีย แต่ก็พูดสั้น ๆ แค่ว่า พี่ผิดเอง ไว้อารมณ์ดีแล้วค่อยมาคุยกันก็ได้ ซึ่งหลังจากนั้นพี่ก้องก็คอยเอาดอกกุหลาบสีโอรสมาให้เธอตลอด ผ่านไปประมาณ 1 เดือน เธอก็ใจอ่อนยอมกลับมาคุยดีกับพี่ก้องอีกครั้ง

            ส่วนจุดแตกหักที่ทำให้คุณโอ๋ และคุณก้อง ต้องแยกทางกันนั้น เป็นเพราะความไม่เข้าใจ และความเอาแต่ใจของคุณโอ๋ โดยเธอบอกว่า ในเมื่อพี่ก้องไม่สามารถให้เวลาเธอได้เหมือนเดิม... เธอเลิกดีกว่า ซึ่งตอนนั้นเธอไม่เข้าใจว่า นักเรียนชั้นปี 4 ต้องทำเล่มจบมันเหนื่อยยากลำบากขนาดไหน ส่วนคุณก้องนั้น ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะหน้าที่การเรียนมันสำคัญมากกว่า อยากจะให้เวลาแฟน แต่ก็ไม่สามารถหาเวลาให้ได้ เลยปล่อยให้คุณโอ๋ไปเจอคนใหม่ คนที่ดูแลเขาได้ดีกว่าเรา...แต่คุณก้องก็ได้บอกคุณโอ๋ทิ้งท้ายไว้ว่า "ถ้าโอ๋อยากกลับมาเมื่อไร พี่ก็จะรอ"



            ด้านคุณโอ๋ กล่าวว่า หลังจากที่เลิกกันพี่ก้องก็เรียนจบพอดี ตอนนั้นตนเรียนปี 2 มันเรียนสบาย ๆ กิจกรรมและการบ้านมันไม่เยอะเท่าไร แต่พอตนขึ้นชั้นปี 4 ตนก็ตระหนักเลยว่า... การทำเล่มจบมันเหนื่อยมาก ตอนนั้นคิดถึงพี่ก้องมาก ๆ ตนจึงโทรไปหา แต่โทรไปในฐานะพี่น้อง และบอกพี่ก้องว่า "โอ๋เข้าใจแล้ว ว่าปี 4 มันเรียนหนัก มันยากมาก" ซึ่งตอนนั้นพี่ก้องก็มีแฟนไปแล้ว... เลยไม่ได้ติดต่อกันตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา

            ในเมื่อความรักของทั้งคู่เจอทางแยก ต่างคนต่างก็ไปพบรักใหม่.. แต่ในใจลึก ๆ ทั้งคู่ก็ยังรู้สึกดี ๆ ต่อกัน จนกระทั่งวันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้คุณก้องรู้ตัวว่า ตัวเองรักและคิดถึงคุณโอ๋มากขนาดไหน

            "ผมจำไม่ได้ว่าเลิกกันไปกี่ปี ตอนนั้นผมทำความสะอาดห้องอยู่ แต่จู่ ๆ ตั๋วหนังเรื่อง ID4 (ไอดีโฟร์) – สงครามวันดับโลก ก็ตกลงมา ซึ่งเป็นตั๋วหนังเจ้าปัญหาที่เป็นสาเหตุทำให้เราเริ่มทะเลาะกัน จริง ๆ แล้วผมอยากเซอร์ไพรส์โอ๋ เพราะตั๋วหนังเรื่องนี้หายากมาก กี่รอบ ๆ ก็หมด ผมเลยมาโรงหนังแต่เช้าเพื่อจองให้ แต่สุดท้ายผมก็ไม่สามารถพาโอ๋มาดูได้ เพราะผมมีแต่ตั๋ว ไม่มีเวลา..."

            คุณก้อง เล่าต่อว่า พอตนเห็นตั๋วหนังคู่นี้ มันทำให้ตนคิดถึงโอ๋มาก เลยเอาชื่อจริงไปเสิร์ชในกูเกิล ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีเฟซบุ๊ก แต่ก็ไม่มีข้อมูลอะไรนอกจากชื่อในเอกสารวิชาการเท่านั้น แถมเมื่อถามเพื่อน ๆ รุ่นเดียวกันก็บอกว่า โอ๋มีสามี และมีลูกเรียบร้อยแล้ว เลยไม่ได้สนใจที่จะตามหาเขาอีก

            จนเวลาล่วงเลยมาหลายปี กระทั่งมีโลก "เฟซบุ๊ก" เกิดขึ้น คุณก้องก็เผอิญไปเจอเฟซบุ๊กของคุณโอ๋ ซึ่งคุณก้องก็ไม่รีรอที่จะแอดเพิ่มเป็นเพื่อนในทันที โดยอย่างแรกที่คุณก้องดูนั้นก็คือ... คุณโอ๋แต่งงานมีลูกแล้ว ตามที่เพื่อนบอกหรือไม่ (หัวเราะ)

            ส่วนคุณโอ๋ เล่าว่า ตนทำงานเป็นอาสาสมัครอยู่แล้ว และช่วงนั้นเป็นช่วงน้ำท่วมตอนเดือนตุลาคมปี 54 มีคนแอดเฟรนด์ตนมาเยอะมาก ตนก็รับแอดหมดเพราะจะได้เป็นช่องทางช่วยเหลือกัน แล้ววันหนึ่งก็มีคนที่ใช้รูปโปรไฟล์เป็นตัวการ์ตูนแอดมา ซึ่งตนก็รับแอดตามปกติ แต่พอเวลาผ่านไป 2-3 เดือน ตนเริ่มสงสัยว่า ทำไมเจ้าของเฟซบุ๊กอันนี้ ถึงไม่ทักทายเธอ เพราะปกติแล้วคนที่แอดมาก็จะถามว่า วันนี้จะไปช่วยเหลือที่ไหน เป็นต้น ซึ่งเมื่อตนกดเข้าไปดูในโปรไฟล์ก็เจอแค่รูปการ์ตูน และไม่มีข้อมูลอะไรเลย

            ขณะที่คุณก้องบอกว่า ตลอดระยะเวลา 2-3 เดือนที่เป็นเพื่อนกับโอ๋ในเฟซบุ๊ก เขาเห็นความน่ารักของโอ๋ที่ทำงาน ทำกิจกรรมช่วยเหลือคนอื่น จนกระทั่งวันหนึ่งเห็นโอ๋โพสต์ข้อความว่า "โปรดส่งใครมารักชั้นที" ซึ่งข้อความนี้นี่แหละที่คอนเฟิร์มสถานะของโอ๋ว่ายังโสดอยู่ ตนจึงทักโอ๋ไป บอกว่า.."นี่พี่ก้องนะ พี่ก้อง มหิดล"

            หลังจากที่พี่ก้องทักมา.. คุณโอ๋ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก แต่ก็พูดคุยด้วยตามปกติ รู้ว่านี่คือแฟนคนแรกและรักแรก แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์หลงเหลือแค่พี่น้องเท่านั้น จนกระทั่ง.. มีโอกาสนัดทานข้าวกัน และคราวนี้ความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีก็หลั่งไหลเข้ามา



            "เจอกันอีกครั้ง ตอนแรกก็ตกใจ เพราะพี่ก้องตัวใหญ่ขึ้นมาก (หัวเราะ) แต่สิ่งที่ตนจำได้ก็คือรอยยิ้มของเขา รอยยิ้มที่โอ๋ชอบในตอนนั้น และสิ่งแรกที่พี่ก้องทำให้ก็คือ เอากล้องสีขาวตัวเล็กคล้องคอให้โอ๋ บอกกับโอ๋ว่าให้โอ๋เอาไปถ่ายรูปที่โอ๋อยากถ่าย ส่วนพี่ก้องก็จะขอถ่ายรูปโอ๋เอง ซึ่งตอนนั้นตนก็รู้สึกดีนิด ๆ และรู้สึกดีมากขึ้นไปอีก ตอนที่ไปกินอาหารด้วยกัน.. วันนั้นเราเลือกกินอาหารปิ้งย่างพรีเมี่ยมนิดนึง พอไปถึงร้านพี่ก้องบอกให้พนักงานปิ้งมาให้เลย โอ๋ก็ตกใจบอกว่าไม่ต้องโอ๋ปิ้งกินเองได้ แต่พี่ก้องบอกว่า ให้เขาปิ้งให้นั่นแหละ เดี๋ยวผมโอ๋จะมีกลิ่นควัน ซึ่งมันทำให้ตนรู้สึกว่า พี่ก้องใส่ใจทุกรายละเอียดเหมือนเมื่อก่อนเลยจริง ๆ"

            พอทั้งคู่มาเจอกันใหม่ ความรู้สึกดี ๆ ที่มีให้กันเสมอมานั้น ก็ค่อย ๆ ถูกเติมเต็มจนกลายเป็นความรัก แต่! ความเอาใจแต่ใจของคุณโอ๋ก็ยังอยู่ ซึ่งคุณโอ๋ เล่าให้ฟังว่า... ที่ผ่านมาไม่มีใครทนตนได้ เมื่อตนวีนแตกหนุ่ม ๆ ก็หนีหายไปหมด ส่วนพี่ก้องนั้นเขาก็มีวิธีที่ทำให้โอ๋ค่อย ๆ ลดความเอาแต่ใจลง มีเหตุผล และเข้าใจกันและกันมากขึ้น เพราะบางครั้งที่ตนเอาแต่ใจ พี่ก้องก็จะหายไปเลยประมาณสัปดาห์ สองสัปดาห์ แต่พอตนสำนึกผิด รู้ตัวว่าผิด พี่ก้องก็จะแอบส่งไลน์มาบอกว่าไปกินข้าวกันเถอะ คือเหมือนพี่ก้องเขาเฝ้ามองเราอยู่ตลอด... รอให้โอกาสเราแก้ตัวตลอดเวลา
 
            ต่อมาเมื่อความเอาแต่ใจลดลง... ความขี้หึง ขี้ระแวงก็เข้ามาแทนที่ ด้วยความที่ว่า คุณก้องทำงานอดิเรกเป็นงานถ่ายภาพตามงานโขน งานละครต่าง ๆ ซึ่งคุณโอ๋ขอเข้าไปดูเบื้องหลังการถ่ายทำด้วย แต่คุณก้องไม่อนุญาตเพราะมันไม่สะดวกเวลาทำงาน ซึ่งคุณโอ๋กลับคิดว่า คุณก้องมีคนอื่นในที่ทำงานแน่ ๆ จึงโกรธกันบ้าง ระแวงกันบ้าง แต่คุณก้องก็พยายามแสดงความบริสุทธิ์ใจ ด้วยการพาคุณโอ๋มารู้จักกับน้อง ๆ นอกรอบ พาไปกินข้าวด้วยกัน ระยะหลังคุณโอ๋ก็เข้าใจ รอคุณก้องทำงาน และพอเลิกงานเสร็จก็ไปกินข้าวกัน เป็นกิจกรรมที่ทำเป็นประจำของเขาและเธอ

            เมื่อความรักสุกงอม เต็มไปด้วยความหวาน... ความเข้าใจ.. การให้อภัยกัน ทั้งคู่จึงตัดสินใจตกลงแต่งงานกัน โดยคุณโอ๋บอกว่า ประโยคที่ทำให้เธอตอบตกลงอย่างไม่ลังเลเลยก็คือ...  "พี่ไม่อยากรออะไร เราเสียเวลามาเป็นสิบปี กว่าจะตามหากันจนเจอ" 

            ส่วนทางคุณก้องก็บอกว่า นอกเหนือจากมุมเอาแต่ใจของโอ๋แล้ว มุมน่ารัก ๆ ของโอ๋ก็มี โอ๋เป็นคนที่ใส่ใจทุกรายละเอียด มีน้ำใจ เผื่อแผ่มายังคนรอบข้างตนเสมอ ส่วนตนนั้นไม่ต้องพูดถึง โอ๋ดูแลตนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน ดูแลไปยังครอบครัวของตนด้วย และที่สำคัญเขารักที่ตนเป็นตน... 

            มาถึงเรื่องประเด็นที่ทำให้การแต่งงานของทั้งคู่เป็นข่าวดังกันบ้าง.. เมื่อประมาณต้นเดือนที่ผ่านมา ข่าวคู่รักขอแต่งงานกันบนเครื่องบิน เป็นข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ซึ่งทีเด็ดกว่าการแต่งงานกลางอากาศนั้น อยู่ที่... ฝ่ายหญิงเป็นคนขอเจ้าบ่าวแต่งงานซะเอง

            โดยคุณโอ๋ กล่าวว่า ตอนนั้นมันมีกิจกรรมกับทางแอร์เอเชียว่า คุณจะเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานบนเครื่องบินอย่างไร ซึ่งพอตนเห็นหัวข้อนี้ปุ๊บ ตนก็เขียนเรื่องราวทั้งหมด 5 นาที แล้วกดส่งปั๊บ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตนมีแพลนแต่งงานกับพี่ก้องอยู่แล้ว ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้ตนแค่อยากจะเซอร์ไพรส์พี่ก้องบ้าง..



            "โอ๋กับพี่ก้องมีทริปต้องไปที่อุดรฯ ซึ่งโอ๋ก็ตีเนียนทำเป็นขอเข้าห้องน้ำบ่อย ๆ ตั้งแต่ทริปคราวก่อนคือทริปเชียงใหม่ เพื่อมาที่อุดรพี่ก้องจะจับสังเกตไม่ได้ คราวนี้พอถึงเวลา โอ๋ก็ขอเข้าห้องน้ำตามแผนที่คิดไว้ ซึ่งจริง ๆ แล้วแอบไปเปลี่ยนชุดเจ้าสาว โดยมีแอร์โฮสเตสช่วยกันเปลี่ยนในเวลา 5 นาที พอเปลี่ยนเสร็จปุ๊บ โอ๋ก็เอาไมค์ที่เขาประกาศกันนั้น บอกกับพี่ก้องว่า... 14 ปีที่แล้ว จนถึงตอนนี้ พี่ดูแลใส่ใจโอ๋มาตลอด พี่ตามหาโอ๋จนเจอ ทำให้โอ๋ได้รักกับพี่อีกครั้ง ซึ่งที่ผ่านมาโอ๋เอาแต่ใจ มองไม่เห็นคุณค่าความรักของพี่ แต่พี่ก็ยังใส่ใจ และให้อภัยโอ๋มาโดยตลอด ที่สำคัญพี่สอนให้โอ๋รู้จักคุณค่าของคำว่ารัก โอ๋อยากขอบคุณพี่ ที่ดูแลและเข้าใจโอ๋มาตลอด จากนี้โอ๋จะเปลี่ยนจากนางร้าย มาเป็นนางเอกที่แสนดี... และขอสัญญาว่าจะรักพี่ก้องตลอดไป..."

            ซึ่งขณะที่คุณโอ๋ กล่าวนั้น คุณก้องถึงกับนั่งบนเก้าอี้ไม่ติด แล้วทุก ๆ คนก็หันมามองคุณก้องเป็นตาเดียว เพราะการขอแต่งงานครั้งนี้ คุณโอ๋ไม่ได้ร่วมมือกับใคร รู้เพียงแต่แอร์โฮสเตสเท่านั้น ทำให้ผู้โดยสารทุกคนค่อนข้างตกใจ ส่วนคุณก้องก็พยายามจะลุกไปหา.. และพอคุณโอ๋พูดเสร็จ เธอก็ปรากฏกายในชุดเจ้าสาว.. พร้อมเดินมาหาคุณก้อง ส่วนคุณก้องก็เดินไปหาคุณโอ๋ แล้วทั้งคู่ก็โปเข้ากอดกันในทันที... ท่ามกลางเสียงปรบมือกึกก้องทั่วเครื่องบินเลยทีเดียว

            ส่วนกำหนดการแต่งงานของทั้งคู่จะมีขึ้นในวันที่ 29 มีนาคม 2557 ยังไงกระปุกดอทคอมก็ขออวยพรให้คู่รักคู่นี้.. มีความสุขมาก ๆ และขอขอบคุณเรื่องราวความรักของทั้งคู่ที่ทำให้เราได้เห็นว่า..พรหมลิขิตมีอยู่จริง คนเราถ้าจะคู่กันแล้ว ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร อย่างไรก็จะต้องกลับมาพบ และรักกันอีกครั้ง...

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...