The Last Samurai แห่งกองทัพพระจักรพรรดิญี่ปุ่น

    ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น เป็นที่เลื่องลือกันว่าทหารญี่ปุ่นนั้นเป็นนักรบที่น่าเกรงขาม  ด้วยการยึดมั่นในจิตวิญญาณบูชิโด และองค์พระจักรพรรดิอย่างแนบแน่น พวกเขาสู้รบอย่างไม่กลัวตาย เป็นทีกล่าวขานในทุกสมรภูมิ   

    เป็นที่ทราบกันดีว่า ในวันที่ 6 สิงหาคม และวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2488 สหรัฐอเมริกาได้ทิ้งระเบิดปรมาณูถล่มเมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ ทำให้ญี่ปุ่นต้องประกาศยอมแพ้ ในครานั้นได้มีทหารญี่ปุ่นหลายนาย ที่ยึดถึอในเกียรติยศนักรบบูชิโด ทำฮาราคีรีตัวเองเป็นจำนวนมาก  และก็ไม่มีใครคาดคิดว่าทหารญี่ปุ่นคนสุดท้ายแห่งกองทัพพระจักรพรรดิจะยอมแพ้ภายหลังสงครามสงบถึง 30 ปี!!!!

 

 

       ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นสามารถยึดประเทศแถบเอเชียอาคเนย์ได้เกือบทั้งหมด หนึ่งในนั้นคือฟิลิปปินส์และบนหมู่เกาะเล็กๆ แห่งหนึ่ง ชื่อว่าเกาะลูบัง (Lubang) ได้มีทหารญี่ปุ่นประจำการอยู่กองหนึ่ง โดยมี พันโทโยชิมา ตานาคูชิ เป็นผู้บังคับบัญชา เวลานั้นคือช่วงปลายสงคราม กองทัพญี่ปุ่นหลายกองพ่ายแพ้ต่อฝ่ายสัมพันธมิตร แต่ถึงกระนั้นทหารญี่ปุ่นก็ยังคงทำการรบอย่างทรหดต่อไปนอกจากทุกคนเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วญี่ปุ่นจะเป็นผู้ชนะ  


         ร้อยโทฮิรุ โอโนดะ คือหนึ่งในทหารที่ประจำอยู่บนเกาะลูบัง เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 1944 (ก่อนมาเป็นทหารเขาเคยเป็นชาวนามาก่อน) ได้รับคำสั่งจากพันโทโยชิมา ตานาคูชิ ให้นำทหารอีก 3 นาย ไปปฏิบัติภารกิจสอดแนมข้าศึกในป่า ร้อยโทโอโนดะ จึงคัดเลือกทหารอีก 3 นาย ประกอบไปด้วย ยูอิจิ อาคาซึ (Yuichi Akatsu) สิบโทไซโอชิ ชิมาดะ (Siochi Shimada) และคินซิชิ โคซูกะ (Kinshichi Kozuka) เข้าร่วมในภารกิจนี้ 


        ขณะที่ทหารทั้ง 4 ออกปฏิบัติภารกิจอยู่นั้น อเมริกาได้ทิ้งระเบิดปรมาณูถล่มเมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ ทำให้ญี่ปุ่นต้องประกาศยอมแพ้ในที่สุด จักรพรรดิฮิโรฮิโตจึงออกพระราชโองการให้กองทัพญี่ปุ่นทุกกองวางอาวุธและถอนกำลังออกจากจุดประจำการทุกแห่ง พันโทโยชิมาจึงออกคำสั่งให้ถอนกำลังออกจากเกาะลูบังและเตรียมตัวกลับประเทศอย่างเร่งด่วน


        แต่พันโทโยชิมา ทำผิดพลาดเรื่องหนึ่งคือ เขาไม่ได้ส่งข่าวหรือทิ้งข้อความใดๆให้ร้อยโทโอโนดะและพวกรู้ว่าสงครามสงบแล้ว ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายแพ้ และมีคำสั่งให้ทหารทุกคนถอนกำลังกลับประเทศ ทำให้เมื่อร้อยโทโอโนดะกลับมายังที่ตั้งกองทหารและไม่พบใครจึงเข้าใจว่าทหารฝ่ายศัตรูได้เข้าโจมตีะพรรคพวกจนต้องถอยหนีออกจากเกาะ เขาและพรรคพวกจึงตัดสินใจกลับเข้าป่าเพื่อทำการสู้รบต่อไป

 

 

         ร้อยโทโอโนดะและพรรคพวกไม่รู้เลยว่าสงครามจบลงแล้ว และไม่มีใครออกตามหาพวกเขาเนื่องจากเข้าใจว่าทั้งหมดเสียชีวิตขณะปฏิบัติภารกิจ

 

          ชีวิตในป่ายากลำบากมาก พวกเขาต้องอาศัยนอนในถ้ำหาของป่าตามมีตามเกิด และบางครั้งต้องขโมยอาหารจากชาวบ้าน แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังเชื่อว่าสงครามกำลังดำเนินอยู่และญี่ปุ่นจะเป็นฝ่ายชนะ จนกระทั่งเดือนตุลาคม 1945 มีเครื่องบินทิ้งใบปลิวบนเกาะ แจ้งว่าสงครามโลกยุติแล้ว และญี่ปุ่นเป็นฝ่ายแพ้ ร้อยโทโอโนดะไม่เชื่อและเข้าใจว่าเป็นแผนการหลอกให้พวกเขาออกไปติดกับทั้งหมดจึง ยังคงปักหลักอยู่ในป่าต่อไป

 

          หลายปีผ่านไป ร้อยโทโอโนดะและพวกก็ยังคงหลบซ่อนอยู่ในป่า และต่อสู้กับศัตรูอย่างไม่ยอมแพ้ (ศัตรูที่ว่าคือชาวบ้านที่ไปหาของป่า) หลายครั้งที่ทหารกลุุ่มนี้ออกลาดตระเวนแต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ นอกจากชาวบ้านที่กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ แต่กระนั้นพวกเขาก็ปักใจเชื่อว่าศัตรูยึดเกาะลูบังได้แล้วจึงตัดสินใจหลบอยู่ในป่าลึกตามเดิม

 

           การดำเนินชีวิตในป่าบนเกาะลูบังของร้อยโทฮีรุ โอโนดะ และทหารหนึ่งหมวดของเขา เป็นไปด้วยความยากลำบาก ต้องอาศัยถ้ำเป็นที่พัก และหาอาหารจากป่ามาประทังชีวิตไปวันต่อวัน แต่ร้อยโทฮีรุ โอโนดะ ก็ไม่คิดยอมแพ้แล้วนำทหารออกมาจากป่ามามอบตัวกับศัตรูอย่างเด็ดขาด เขาเชื่อว่าสงครามยังไม่ยุติจึงหลบซ่อนอยู่ในป่าและเตรียมพร้อมต่อสู้ทุกอย่าง ถวายชีวิตเรื่อยมากลายเป็นทหารญี่ปุ่นหน่วยสุดท้ายที่ตกค้างอยู่ในป่าบนเกาะลูบัง ซึ่งกองทัพญี่ปุ่นก็ไม่รู้และคิดว่าทหารหน่วยนี้คงเสียชีวิตขณะปฏิบัติภารกิจไปหมดแล้ว เวลาผ่านไปจากเดือนเป็นปี...และหลายปีต่อมา...ร้อยโทฮิรุ โอโนดะกับทหารของเขาก็ยังหลบซ่อนอยู่ในป่าและพร้อมจะต่อสู้กับฝ่ายศัตรูโดยไม่ยอมแพ้อย่างเด็ดขาดมีหลายครั้งที่ทหารญี่ปุ่นกลุ่มนี้แอบออกมาลาดตระเวนดูที่ตั้งกองทหารของพวกเขา แต่ไม่พบเห็นอะไรเลยนอกจากชาวบ้านซึ่งกลับมาใช้ชีวิตตามปกติเช่นเดิม กระนั้นทหารญี่ปุ่นก็คิดว่าฝ่ายข้าศึกได้ยึดครองพื้นที่ไว้ได้ทั้งหมด ดังนั้นพวกเขาจึงถอยกลับเข้าไปอยู่กลางป่าลึกเหมือนเดิม

 

           เวลาผ่านไปจากหลายปีเป็นสิบปี และจำนวนปีก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทหารในหน่วยของร้อยโทฮีรุ โอโนดะ เสียชีวิตไปทีละคนสองคนจากความเจ็บไข้ได้ป่วยและไม่มียารักษาโรคทหารที่เหลือก็อยู่กันอย่างฝากชีวิตไว้กับชะตากรรม แต่ยึดมั่นในปณิธานจะไม่ยอมแพ้แก่ทหารศัตรูอย่างเด็ดขาดโดยไม่รู้ว่าสงครามได้ยุติไปนานแสนนานแล้ว และโลกภายนอกได้เปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว

 

ในภาพ ถ้ำที่โอโนดะอาศัยอยู่

 

              จนกระทั่งวันหนึ่ง นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งได้พบกับร้อยโทโอโนดะด้วยความบังเอิญ ทั้งคู่คุยกันถูกคอและทำให้เขาได้รู้ความจริงว่าสงครามจบไปนานแล้ว(เค้าก็พยายามจะบอกอยู่หลายปีแล้ว) และทางการญี่ปุ่นอยากให้เขาออกมาปรากฏตัวเสียที แต่กระนั้นร้อยโทโอโนดะก็ยังแคลงใจไม่หายและบอกให้ผู้นำผู้บังคับบัญชา พันโทโยชิมา มายืนยันด้วยตัวเอง

 

                แม้จะเหลืออยู่อย่างโดดเดี่ยวเขาก็ยังไม่ยอมวางอาวุธ ไม่ท้อแท้หมดกำลังใจที่จะยืนหยัดต่อสู้ต่อไปอีก ร้อยโทฮิรุ โอโนดะ ยังคงดำรงชีวิตอยู่ในป่าด้วยสำนึกแห่งการเป็นทหารครบถ้วน เมื่อเขาได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติภารกิจและไม่มีคำสั่งให้เปลี่ยนแปลง เขาก็ยังยึดถือคำสั่งนั้นอย่างแน่วแน่  ในที่สุดก็มี ข่าวทหารญี่ปุ่นซึ่งไม่รู้ว่าสงครามโลกได้ยุติไปนานแล้วยังปักหลักอยู่ในป่าบนเกาะลูบังเพียงคนเดียวก็ทราบไปถึงทางการญี่ปุ่น รัฐบาลญี่ปุ่นพยายามหาทางแจ้งข้อเท็จจริงให้ ร้อยโทฮิรุ โอโนดะ รู้แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากนายทหารผู้นี้คิดว่าเป็นกลอุบายของข้าศึกที่จะหลอกจับตัวเขา แม้จะนำพระราชโองการของพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตนำไปติดไว้ทุกหนทุกแห่งในป่า ด้วยหวังว่าร้อยโทฮิรุ โอโนดะ มาพบเข้าจะยอมวางอาวุธแล้วออกมาปรากฏตัว แต่วิธีนี้ก็ไม่ได้ผลอีกเพราะร้อยโทฮิรุ โอโนดะ ไม่เชื่อว่าประกาศพระราชโองการนั้นเป็นจริง

 

             ทางการญี่ปุ่นพยายามติดต่อพันโทโยชิมา ตานาคูชิ จนพบและส่งเขาพร้อมคณะผู้ติดตามไปพบร้อยโทฮิรุ โอโนดะ พันโทโยชิมา จึงยืนยันกับเขาว่าสงครามจบลงแล้ว  (จริงๆนะ) และออกคำสั่งให้เขาวางอาวุธ(ได้แล้ว)นายทหารผู้เคร่งครัดในหน้าที่จึงได้เลิกออกจากป่าในวันที่ 10 มีนาคม 1974 หลังจากที่ประจำการหลังสงครามเลิกตั้ง 30 ปี  

 

 ในรูปวันที่ Norio Suzuki พบ Onoda       

 

             

              หลังจากนั้นร้อยโทฮิรุ โอโนดะ จึงยอมจำนนหลังจากรบอย่างโดดเดี่ยวมาถึง 30 ปี สิ่งที่เหลือติดตัวเพียงเสื้อผ้าเก่าๆคร่ำคร่า ปืนเล็กยาวพร้อมกระสุน และดาบซามูไรอีกเล่มเดียวเท่านั้น

 

ในภาพ โอโนดะ ยอมจำนนต่อทางการฟิลิปปินส์

 

           ภาพประวัติศาสตร์ ร้อยโทฮิรุ โอโนดะ ทหารแห่งกกองทัพพระจักรพรรดิคนสุดท้าย เซ็นต์ชื่อยอมจำนนต่อกองทัพฟิลิปปินส์ ตัวแทนชาติสัมพันธมิตร พร้อมปลดอาวุธชิ้นสุดท้ายของเขา "ดาบซามูไร"

 

 

            หลังจากนั้นทางการญี่ปุ่น ก็นำทหารกล้าคนนี้กลับคืนสู่มาตุภูมิ ร้อยโทฮิรุ โอโนดะ ได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่เทียบเท่าวีรบุรุษ มารดาวัย 88 ปี ของร้อยโทฮิรุ โอโนดะ ผู้ที่เคยเชื่อว่าลูกชายได้ต่ยไปแล้วและไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ทุกปี กล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า "การอบรมเขาตามแบบคนญี่ปุ่น ทำให้เขาเป็นทหารที่มีวินัย มีความจงรักภักดีต่อชาติอย่างสูงสุด และปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด แม้เวลาจะผ่านไปเกือบ 30 ปี เขาก็ยังยึดถืออย่างแน่วแแน่"

 

 

       ปัจจุบันร้อยโทฮิรุ โอโนดะ ใช้ชีวิตในบั้นปลายอย่างเงียบ เค้าบินไปมาระหว่าง บลาซิลและญี่ปุ่น โดยได้เป็นเจ้าของฟาร์มแห่งหนึ่งในบราซิล และเมื่อมีเวลาว่างเขาจะกลับไปบริจาคเงินให้กับโรงเรียนที่เกาะลูบัง สถานที่ประวัติศาสตร์ที่เค้าต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวกว่า 30 ปี อยู่เสมอ

 

 

 

        เป็นการใช้ชีวิตปั้นปลายอย่างสงบ ของตำนาน " The Last Samurai "

แห่งกองทัพอาทิตย์อุทัย

 

 

  ที่มา :  https://www.facebook.com/warofhistory

             http://en.wikipedia.org/wiki/Hiroo_Onoda

             http://www.tumblr.com/tagged/hiroo%20onoda

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...