แล้วรักก็หมุนรอบคนหน้าหมวย (อีกครั้ง)

แล้วรักก็หมุนรอบคนหน้าหมวย (อีกครั้ง)

(บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล และอาจเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของหนัง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน) ในรอบปีนี้หนังไทยแนวรักโรแมนติก อินเทรนด์แบบเกาหลี มาแรงมาก ไม่ว่าจะเป็นหนังรถไฟฟ้าฯ ที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม รวมไปถึงหนังเรื่อง 32 ธันวา ที่เน้นเรื่องราวความสนุกสนานของความรักที่ต้องค้นหา หรือแม้แต่เรื่องล่าสุดเรื่องนี้ “มาย วาเลนไทน์” ของค่ายหนัง 5 ดาว ซึ่งในข่าวที่พบเห็นส่วนมากจะบอกว่าประสบความสำเร็จมาจากเรื่อง “บีฟอร์ วาเลนไทน์ – ก่อนรัก หมุนรอบตัวเรา” ที่ทางค่ายเอามาเป็นจุดโปรโมท โดยมีทีมผู้กำกับจากเรื่อง บีฟอร์ฯ นี่แหละที่ได้รับไฟเขียวให้ทำหนัง มาย วาเลนไทน์ โดยจุดขายของเรื่องนี้คือสาวหมวย หน้าตาธรรมดาๆ แต่กลับมีทางเลือกในเรื่องของความรักให้ติดตามว่า สาวหมวย สวยเลือกได้ คนนี้จะเลือกหนุ่มแบบไหน!!? (เอ๊ะ พล็อตคุ้นๆ คล้ายกับ รถไฟฟ้าฯ รึเปล่า?)

มาย วาเลนไทน์ หนังที่บอกเล่าเรื่องราวของผู้หญิงหน้าหมวยคนหนึ่งที่เราสามารถพบเจอได้ดาษดื่นทั่วไปตามถนนหนทางที่เราเดินผ่าน อาชีพของเธอก็สุดแสนจะธรรมดา เป็นพนักงานขายประกัน แล้วทำไมสาวหมวยคนนี้ถึงได้กลายเป็น สาวสวยเลือกได้ มีหนุ่มๆ มาสำรองในสต๊อกถึง 3 แบบ 3 สไตล์กันล่ะ?? นี่คือประเด็นของเรื่องนี้ที่ผู้กำกับอารมณ์ดีทั้ง 3 คน “วุ้น-ทรงศักดิ์ มงคลทอง” “พิ้งค์-พรชัย หงษ์รัตนาภรณ์”  “โหน่ง-เสรี พงศ์นิธิ” จับมาใส่ในเนื้อหาของเรื่อง และที่สำคัญเรื่องนี้น่าจะนับเป็นความฉลาดของทางค่ายเองด้วยที่หยิบประเด็น “รักหมุนรอบตัวเรา” มาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยมีกิจกรรมที่จัดก่อนหน้านี้เพื่อนำคู่รักมาร่วมแสดงในหนังเรื่องนี้ด้วย..(รายได้ส่วนหนึ่งก็คาดว่าน่าจะมาจากบรรดาญาติสนิทมิตรสหายของกลุ่มคู่รักเหล่านี้) เรื่องเปิดมาที่การให้เครดิตคนทำงานจากเรื่องที่แล้ว “บีฟอร์ วาเลนไทน์” และยังคงให้ความสำคัญกับคนทำงานด้วยการแนะนำว่าใครทำหน้าที่อะไรในกองถ่ายหนังกันบ้าง โดยสอดแทรกไปในตอนเปิดเรื่องได้อย่างแนบเนียน ด้วยการให้ “มาย” (นำแสดงโดย มิ้นท์ มิณฑิตา วัฒนกุล) สาวหมวยขายประกันของเราเดินผ่านกองถ่ายหนังพอดิบพอดี…อีกทั้งเรื่องราวของหนังที่เป็นเสมือนจุดเชื่อมต่อของเรื่องราวความรักทั้ง 3 แบบ น่าจะเป็นคู่ของ “จตุรงค์ มงจ๊ก” กับ “วราพรรณ หงุ่ยตะกูล” คู่พ่อค้า แม่ค้าขายดอกกุหลาบ (รู้สึกว่าจะเป็นตัวละครที่ต่อเนื่องมาจาก บีฟอร์ วาเลนไทน์ ที่มีความรักหวานชื่นให้กันทุกๆวัน) ที่มักจะเบรครถกระทันหันทุกครั้ง ซึ่งเหตุการณ์นี้เองที่ทำให้เราได้รู้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่ทางผู้กำกับต้องการให้เป็นจุดเริ่มต้นความรัก ในแต่ละพาร์ทของสาวหมวยที่ชื่อ “มาย”

มาพูดถึงเรื่องราวความรักในแต่ละพาร์ทของ มาย กัน

เรื่องราวความรักพาร์ทที่ 1 ของสาวหมวยขายประกันอย่าง “มาย” เกิดขึ้นกับ “มิค” (วสุ แสงสิงแก้ว) ที่ทั้งหล่อ ทั้งรวย มีพร้อมทุกสิ่งอย่าง เป็นหนุ่มวัยกลางคนที่เป็นสุภาพบุรุษที่สาวๆ ต่างใฝ่ฝันอยากมีไว้ในครอบครอง แต่ทว่าหนุ่มหล่อเต็ม 100 แบบนี้ก็ยังมีข้อเสีย แต่คงต้องให้ไปดูเองว่าข้อเสียของหนุ่มคนนี้คืออะไร และสาว มาย จะเลือกเขาหรือไม่??

ความรักพาร์ทที่ 2 กับอุบัติเหตุไม่คาดคิดทำให้ มาย ได้พบกับ “อาท” (กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์) หนุ่ม Bad Boy เลวไม่มีที่ติ ทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความปรารถนาของสาวๆ แต่แฝงความดีที่มีอยู่ในตัว ซึ่งคาดว่าหนุ่มประเภทนี้ก็เป็นที่ต้องการของสาว ๆ เช่นเดียวกัน เพราะสาวๆ ร้อยทั้งร้อย ชอบคนเลวๆ

ความรักพาร์ทที่ 3 นี่ก็เกิดจากอุบัติเหตุอีกเช่นเดียวกันที่ทำให้ มาย ได้พบกับเพื่อนเก่า หรือ แฟนเก่า สมัยเรียน “ก้อง” (เปอร์-สุวิกรม อัมระนันทน์) ที่น่าจะเป็นคนที่ใช่ที่สุดของมาย แต่อยู่ที่ว่า มาย จะเลือกหรือไม่ และในการคบหาดูใจระหว่างสาว มาย กับ 3 หนุ่ม  มาย เป็นต้องพาให้ไปพบกับ อากง (น้าค่อม ชวนชื่น) คงไม่ต้องบอกว่าการปะทะบทบาทกันระหว่างน้าค่อมกับหนุ่มทั้ง 3 ใครจะเป็นฝ่ายได้ใจคนดูไป ส่วนใครจะโดนใจ อากง บ้างก็ไม่รู้ เพราะไม่ใช่ อากง

เมื่อมองภาพรวมของหนัง มาย วาเลนไทน์ แล้ว คงต้องบอกว่าเหมือนเป็นหนังที่ยังคิดไม่เสร็จ เพราะในแต่ละตอนของผู้กำกับแต่ละคนใน 3 คน อยากที่จะเล่าเรื่องราวที่ตัวเองกำกับเท่านั้น แต่คาดว่าน่าจะลืมคิดไปว่าการต่อเรื่องราวความรักใน 3 แบบมันไม่สมดุลกัน อาจจะทำให้การดูหนังของคนดูงง งง เกิดคำถามขึ้นมาเป็นระยะๆ แต่ถ้าเราจะมองข้ามในส่วนนี้ไปคงต้องบอกว่าในแต่ละส่วนมีสิ่งเร้าที่ทำให้เราเกิดความสนุกสนานในการชม นั่นคือตัวละครที่มาช่วยเพิ่มสีสัน โดยรับบทเป็นพนักงานขายประกันเพื่อนของมาย (รับบทโดย ดีเจนุ้ย-ธนวัฒน์ ประสิทธิสมพร และ อาร์ท-อรอานิญช์ พีรชาขจรพัฒน์) ที่ทำให้การดูหนังมีอรรถรสมากขึ้นเป็นกอง ในแต่ละส่วนของเรื่องราวความรัก

และเมื่อมามองในส่วนการแสดงของ 3 หนุ่ม หนุ่มแรก “จิ๊บ-วสุ” ถึงแม้จะเป็นรุ่นใหญ่แต่ว่าการแสดงยังคงดูไม่สมจริง เหมือนไม่ได้อินไปกับตัวละครที่ตัวเองเป็นสักเท่าไหร่, กฤษณ์ รายนี้คงต้องบอกว่าแสดงได้กวนมาก แต่ทว่ายังเป็นได้แค่ท่าทางการแสดง แต่ไม่ได้แสดงออกทางแววตาเท่าที่ควร, เปอร์ จาก 365 วันตามติดชีวิตเด็กเอ็นท์ ต้องถือว่าเป็นการแสดงครั้งแรกของเขา ก็เลยให้อภัยในส่วนที่บกพร่องบ้าง โดยรวมๆ การแสดงของ 3 หนุ่มน่าจะเข้าถึงความเข้าใจในเรื่องการแสดงขั้นพื้นฐาน แต่ยังไม่ได้ใส่ใจ ใส่วิญญาณให้กับตัวละครที่แต่ละคนได้รับ

มาพูดถึงสาวหมวยที่เป็นที่หมายปองของเรื่อง “มิ้นท์-มิณฑิตา วัฒนกุล” สาวรายนี้ทำการบ้านมาดี ไม่ห่วงความสวย ซึ่งอดเปรียบเทียบกับหนังเรื่อง รถไฟฟ้าฯ ไม่ได้อยู่ดี เพราะคาแรกเตอร์ที่คล้ายคลึงกับสาว “คริส หอวัง” ที่ไม่ห่วงภาพตัวเอง เล่นเป็นธรรมชาติ และสาวน้อย “มิ้นท์” คนนี้ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน คงต้องบอกว่าเธอมีอนาคตอีกไกลถ้าจะเอาดีทางนี้แน่นอน เรื่องราวความรักของผู้กำกับทั้ง 3 คนในแต่ละพาร์ท น่าจะถือได้ว่าถ้าแยกออกเป็นส่วนๆ ก็สามารถดูได้ไม่ติด เป็นเหมือนเรื่องราวสั้นๆ ที่มีมุมมอง มีจุดเริ่ม แต่ยังเว้นจุดจบให้ต้องขบคิดกันเอาเอง จนมาถึงบทสรุปทั้งหมดที่ทำให้ทุกตัวละครออกมาเจอกันทั้งหมด แต่จุดจบของเรื่องก็ยังไม่บอกอะไรอยู่ดี แต่เมื่อเรามาดูโดยรวมความต่อเนื่องของ 3 พาร์ท แทบจะไม่ได้ร้อยเรียงให้เป็นเรื่องเดียวกัน แต่ทว่าเหมือนแยกตัดขาดออกจากกันอย่างสิ้นเชิง

สรุปความรวมได้ว่า หนัง มาย วาเลนไทน์ หนังไทยเรื่องหนึ่งที่น่าดู ถ้าอยากสนับสนุนให้เมืองไทยมีหนังไทยต่อไปก็ไปดูกันเถอะค่ะ เราจะได้มีหนังไทยคุณภาพ เน้นว่า หนังไทยคุณภาพ มาให้เราเลือกดูได้มากมายกว่าที่เป็นอยู่อย่างในปัจจุบัน.

 

8 ก.พ. 53 เวลา 10:07 5,214 12 178
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...