รูป ปืนกลมือ/ปืนกลหนักในยุคสงครามโลกครั้งที่1 และ 2

ปืนกลที่ใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 1และ 2 มีปืนอะไรบ้าง? ของประเทศอะไร? รูปประกอบ ผมรู้จักชื่ออยู่2อย่างเองคือของอเมริกา ปืนกลทอมป์สันและก็ M-3

ปืนกลมือ MP18 ของกองทัพแห่งอาณาจักรไรซ์ที่ 3 หรือนาซีเยอรมันครับ ใช้กระสุนขนาด 9x19 mm. Parabellum ใช้ระบบปฏิบัติการ open bolt blowback ความจุ 32 นัดสำหรับแมกกาซีนรูปหอยโข่ง และ 20 นัดสำหรับแมกกาซีนธรรมดา นิยมใช้โดยหน่วยตำรวจลับ SS ของนาซีเยอรมัน แล้วก็เป็นต้นแบบของปืนกลมือทั่วโลกเลยครับ โดนเอาไปก๊อปปี้โดยสหรัฐฯ อังกฤษ โซเวียต ฯลฯ มีลูกหลานคือปืน MP38 และ MP40 ที่พัฒนาต่อมาจากปืน MP18 เองครับ 

ต่อมาก็ปืนกล MP3008 ครับ กองทัพเยอรมันเอาปืนกล Sten ของกองทัพอังกฤษมาดัดแปลงจนออกมาเป็นปืนกลหน้าตาประหลาดแบบนี้ ใช้กระสุน 9x19 mm. Parabellum ใช้ระบบปฏิบัติการ Blowback, open bolt ความจุ 32 นัดครับ 

ต่อมาก็ปืนกล MP38 และ MP40 ครับ จะว่าไปมันก็อันเดียวกันนั่นละ แต่พอเยอรมันมันพัฒนาให้ดีกว่าเดิมขึ้นมาอีก มันก็ชอบเรียกให้แปลกก็เลยต้องเรียกตามมันไป เป็นปืนกลที่พัฒนาต่อมาจากปืนกล MP36 มีบรรพบุรุษคือปืนกล MP18 ใช้กระสุนขนาด 9x19 mm. Parabellum ใช้ระบบปฏิบัติการ Blowback ความจุ 32 นัดครับ เป็นปืนที่มีการผลิตกันอย่างมากมายในสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องจากใช้การขึ้นรูปด้วยเครื่องจักร และมีความแม่นยำสูงพอตัว 

ปืนกล Maschinengewehr 08 ใช้กระสุน 7.92 x 57 mm. Mauser (8 mm. Mauser) มีลูกหลานคือปืนกล MG34 และ MG42 ใช้สายกระสุน 250 นัด ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ Recoil operated ในการยิง 

ตัวที่ท่านนำมาให้ชมนี่แหละครับที่ผมเคยเห็น รู้สึกว่าจะมีขาตั้งตรงใกล้ๆด้ามจับ ด้วยครับ ไม่ทราบว่าเป็นแบบเดียวกับพี่แรมโบ้ ยืนยิงมือเดียว อีกข้างถือสายกระสุน ไหมครับ ???
ขอชมครับว่าท่านเยี่ยมครับ ดีครับที่ให้ความรู้แก่ชาวเวพ ร่วมกับอีกหลายๆท่าน คิดว่าท่านคงประกอบอาชีพเกี่ยวกับอาวุธใช่ไหมครับ 

 รูปของกระสุนชนิดต่างๆขนาด .223 Remington (5.56 mm. NATO) ไล่จากทางซ้ายไปขวาครับ
กระสุนรุ่น M193 ,M855 กระสุนพื้นฐาน (Ball)
กระสุนรุ่น M856 กระสุนส่องวิถี (Tracer)
กระสุนรุ่น M200 กระสุนซ้อมรบครับ (Blank

เรื่องกระสุนปืน M16 และปืน AK-47 ที่ผมได้ลงรายละเอียดของกระสุนรุ่นต่างๆของปืน M16 ไว้ครับ 

ปืนพก Mauser รุ่น C96 ครับ ใช้กระสุนขนาด 7.63x25 mm. Mauser และ
9x19 mm. Luger ความจุ 6,10, และ 20 นัด ปืนรุ่นนี้เป็นที่นิยมมากในกองทัพนาซี และถูกนำไปก๊อปปี้โดยกองทัพจีน และกองทัพญี่ปุ่นด้วย 

กระบอกต่อมาปืนพกของ Luger รุ่น P08 ครับ ใช้กระสุน 9x19 mm. Parabellum เป็นที่นิยมไม่น้อยพอๆกับปืนพก Mauser C96 แถมยังถูกหลายประเทศนำไปก๊อปปี้อีกต่างต่างหาก 

ปืนพก Mauser และ Luger ครับ 

ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ผมแน่ใจว่าปืนไรเฟิล Springfield'03 ของสหรัฐฯได้ออกงานร่วมกับเขาด้วยแน่ครับ แต่ปืนอันอื่นไม่แน่ใจเลย

ปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน Flak 88 mm. Cannon ของฝ่ายนาซีเยอรมันครับ แต่ผมอยากเรียกมันว่าปืนใหญ่อเนกประสงค์มากกว่า เพราะสามารถดัดแปลงเป็นปืนต่อสู้รถถังและใช้ยิงถล่มปูพรมพื้นที่ได้ด้วย จัดเป็นปืนใหญ่ที่มีอานุภาพแรงสูงมากขนาดฝ่ายพันธมิตรยังเกรงกลัว เพราะเจ้ารถถัง M4 Sherman และ M10 ของฝ่ายอเมริกาเจอปืนใหญ่นี่เข้าไปทีเป็นระเบิดไฟลุกท่วมทุกคันเลยครับ

 mp-44 ยิงเร็วดี แต่มีข้อจำกัดด้านน้ำหนัก แตะที่ 5 กก. กว่าๆ

ดูดีๆนะไม่ใช่ BB-GUN

อีกภาพ ๏่'

ปืน MP44 ย่อมาจากคำเต็มในภาษาเยอรมันคือ Maschinenpistole 44 ผลิตโดยบริษัท Walther มีทั้งหมด 3 รุ่นคือ MP43 MP44 และ MP45 แต่รุ่นที่มีการผลิตออกมามากที่สุดก็คือรุ่น MP44 เนื่องจากเป็นรุ่นที่มีการนำปืน MP43 มาแก้ไขระบบกลไกให้ดีขึ้นและทำการชุบแข็งโลหะบางส่วนทำให้ปืนรุ่นนี้เป็นที่ไว้วางใจอย่างสูงของหน่วยทหารราบรวมไปถึงหน่วยรบพิเศษ Stormtrooper ของกองทัพนาซี ซึ่งปืนรุ่นนี้ได้สร้างชื่ออย่างมากในช่วงการทำสงครามที่เมืองสตาลินกราด ประเทศสหภาพโซเวียต

แม้ในภายหลังจะมีการนำปืน MP44 มาทำการปรับปรุงอีกครั้งจนเป็นปืน MP45 ออกมา แต่ก็มิได้มีการผลิตปืนรุ่นนี้ออกมามากนักในช่วงหลัง เนื่องจากโรงงานผลิตอาวุธของบริษัท Walther เองก็ถูกกองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรโจมตีจนได้รับความเสียหายอย่างหนัก อีกทั้งยังขาดวัสดุในการผลิตคือเหล็กและดินขับ ทำให้มีการผลิตปืนรุ่นนี้ออกมาน้อยมากในช่วงหลัง

ข้อมูลจำเพาะของปืน MP44 หรือ STG44
น้ำหนักปืน 5.22 kg.
ความยาวปืนทั้งกระบอก 940 mm.
ความยาวลำกล้อง 419 มม.
ระยะหวังผล 300 m.
ระบบปฏิบัตการปืน Gas-operated, tilting bolt
ขนาดลำกล้อง 8 mm. (0.31 in)
ขนาดกระสุน 7.92x33 mm. Kurz
อัตราการยิง 500/600 นัด/นาที
ความจุ 30/แมกกาซีน

ปืนไรเฟิลส่วนใหญ่ที่ใช้ในสงครามโลกทั้งสองครั้งส่วนมากถ้าไม่ใช้การบรรจุกระสุนโดยการใช้คลิปหรือแมกกาซีนก็ต้องใช้สายกระสุนแทน เพราะท่านสมีเฒ่าลองคิดดูนะครับว่าถ้าท่านอยู่ในสงครามขณะที่กำลังมีการตะลุมบอนกันมั่วไปหมดอยู่ เกิดปืนท่านกระสุนหมดแล้วต้องมานั่งบรรจุทีละนัด ท่านจะมีสมาธิใส่ไหวหรือครับ แถมกว่าจะบรรจุเสร็จกว่าจะได้ยิง ดีไม่ดีผมว่างานนี้มีรายการจำหน่ายส่งกลับบ้านเก่าก่อนแน่ครับ จริงไหม แต่ก็ยังมีปืนไรเฟิลบางรุ่นที่ยังใช้การบรรจุกระสุนด้วมือทีละนัดนะครับ ส่วนมากจะเป็นปืนไรเฟิลซุ่มยิงเพราะว่าใช้คลิปยัดไม่ได้เนื่องจากติดฐานกล้องเล็งครับ 

ปืนเซกาเซ่หรือปืน SKS นั่นละครับ ซึ่งผมว่ามันแปลกดีที่ปืนในตระกูล AK กลับใช้การบรรจุกระสุนแบบนี้ 

คลิปบรรจุกระสุนขนาด 7.62x54 mm. R ของปืนไรเฟิล Mosin-Nagant เป็นกระสุนแบบ Ball type D M1930 ครับ

ปืนไรเฟิลของกองทัพฝรั่งเศสครับ

ปืนไรเฟิล Mannlicher-Carcanoของกองทัพอิตาลีครับ ดูคล้ายๆไรเฟิลของอังกฤษไงม่ะรู้

ปืนกลเบา(submachinegun)Suomiของกองทัพฟินน์แลนด์ เคยใช้รบกับรัสเซียในปี 1939 และชนะมาแล้ว

ไรเฟิลอัตโนมัติ MP45 หรือ STG45 ซึ่งเป็นญาติของปืนไรเฟิลอัตโนมัติ MP43/MP44 ผลิตโดยโรงงาน Mauser ใช้กระสุนขนาด 7.92x33 mm. หรือ 7.92 mm. Kurz ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ roller-delayed blowback อัตรายิง 450 นัด/นาที ความจุ 30 นัด/แมกกาซีน และต่อมาก็ได้เป็นต้นแบบในการประดิษฐ์ปืนไรเฟิลจู่โจม H&K G3 และปืนกลมือ H&K MP5 ครับ

ปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ Gewehr 41 ออกแบบและผลิตโดยความร่วมมือของบริษัท Mauser และบริษัท Walther โดยดัดแปลงมาจากปืนไรเฟิลลุกเลื่อน Kar98K ใช้กระสุนขนาด 7.92x57 mm. (8 mm. Mauser) ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ Gas-operated ความจุ 10 นัดโดยใช้คลิปกระสุน 5 นัดของปืน Kar98K จำนวน 2 คลิป

ปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ Volkssturmgewehr 1-5 ออกแบบโดย Herr Barnitzke of Gusloft-Werke ใช้กระสุนขนาด 7.92x33 mm. Kurz ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ Gas-delayed blowback ความจุ 30 นัด

ปืนไรเฟิล Mannlicher-Carcanoของกองทัพอิตาลีครับ ดูคล้ายๆไรเฟิลของอังกฤษไงม่ะ

ปืนไรเฟิล อริซากะ ของญี่ปุ่น(ใครเล่น Medal of hornerภาคแปซิฟิก แอสซอลท์) ก็จะเคยเห็น บันจุ 5 นัด คล้ายๆไรเฟิลทั่วไป

ปืน Boys Anti-tank ไรเฟิลต่อต้านรถถังของอังกฤษครับ

จรวดต่อสู้รถถัง (คจตถ.) ของทุกฝ่ายนะครับ กระบอกแรกขอเล่นของฝ่ายนาซีเยอรมันก่อนนั่นคือ Panzerfaust ซึ่งเป็นเครื่องยิงจรวดประเภทใช้ครั้งเดียวทิ้งเช่นเดียวกับจรวด LAW M72 (LAW : Light Anti-tank Weapon) ที่ยังมีใช้ในปัจจุบัน โดย Panzerfaust นั้นมีน้ำหนักหัวรบ (Warhead) 3 กก. โดยในหัวรบจะบรรจุดินโพรง (Shaped Charge) และดินระเบิดแรงสูงไว้ 800 กรัมมีอำนาจทะลุทะลวงแผ่นเหล็กได้ลึกถึง 200 มม. ส่วนท่อยิง (Tube) จะบรรจุดินดำไว้เพื่อใช้ขับดันจรวด มีระยะพิสัยทำการยิงสูงสุด 250 เมตร (Panzerfaust 250)

ภาพแสดงการยิงจรวด Panzerfaust ของทหารนาซีครับ โดยก่อนยิงจะต้องมีการเล็งผ่านช่องเล็งบนศูนย์ก่อนทุกครั้ง

เครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถัง Bazooka ของกองทัพสหรัฐฯ แรกเริ่มเดิมทีนาย Henry Mohaupt ได้ประดิษฐ์ระเบิดต่อสู้รถถังแบบใช้ดินโพรงขึ้นมา ซึ่งมีอำนาจการเจาะเกราะได้ลึกถึง 100 มม.หรือประมาณ 4 นิ้ว แต่เนื่องจากมันมีน้ำหนักมากจนนำไปใช้การได้ลำบากก็เลยไม่เป็นที่นิยมมากนัก จนต่อมาพ.อ.Leslie A. Skinner และร.ท.Edward G. Uhl ก็ได้นำระเบิดแบบนี้มาปรับปรุงใช้กับเครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถังที่ประดิษฐ์ขึ้นมา และมีการเรียกคจตถ.รุ่นนี้ว่า Rocket Launcher, M1A1 ซึ่งมีลำกล้องกว้าง 2.36 นิ้วและยาว 54 นิ้ว หัวรบบรรจุดินโพรงหนัก 1.59 กก. ระยะหวังผล 150 หลา ทำการยิงด้วยการประทับบ่า ใช้การจุดชนวนด้วยระบบ Magneto โดยใช้แบตเตอรีขนาด 1.5 V จำนวน 2 ก้อน และก็ได้มีการพัฒนารุ่นต่างๆต่อมาอีกหลายรุ่น

ปืนกลหนัก 66 (ปกน. 66) หรือปืนกล Browning M1917

เป็นผลงานของนาย John M.Browning ผลิตโดยบริษัท Colt ประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้กระสุนขนาด .30-06 Springfield (7.62x63 mm.) ระบบปฏิบัติการแบบ Recoil operated automatic อัตราการยิง 450 นัด/นาทีในรุ่น M1917 และ 450-600 นัด/นาทีในรุ่น M1917A1 ระบายความร้อนด้วยน้ำ บรรจุกระสุนด้วยสายกระสุนผ้าใบ 250 นัด ได้ใช้สงครามปราบกบฏพระองค์เจ้าบวรเดชสมัย ร.7 ด้วยครับ
ปืนกลหนัก แบบ 77 (ปกน.77)

สร้างโดยบริษัท Vickers Armstrong ประเทศอังกฤษ ใช้กระสุนขนาด .303 British (7.7x56 mm.) ระบบปฏิบัติการแบบ Recoil with gas boost อัตราการยิง 450-600 นัด/นาที ระบายความร้อนด้วยน้ำ บรรจุกระสุนด้วยสายกระสุนผ้าใบ 250 นัด กองทัพบกสั่งเข้ามาใช้ในราชการเมื่อปีพ.ศ. 2477 ทันใช้ในช่วงสงครามอินโดจีนและสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยครับ
อันนี้แถมครับ ปืน HK 33 หรือ ปลย. 11 ตัวต้นแบบ ปัจจุบันปิดสายการผลิตไปเรียบร้อยโรงเรียนสรรพาวุธแล้วครับ เนื่องจากเครื่องจักรและเทคโนโลยีในการผลิตเก่าเกินไป รวมทั้งตัวปืนที่ผลิตออกมามีคุณภาพที่ด้อยกว่าปืนรุ่นที่สั่งนำเข้ามาก ทำให้มีปัญหาขัดลำกล้องอยู่บ่อยครั้ง 
ปืน M1 Garand หรือปลยบ. 88 (ปืนเล็กยาวบรรจุเองแบบ 88) ตรงพานท้ายทำด้วยไม้ชิ้นเดียวกับโครงปืน มีแผ่นเหล็กตรึงไว้บริเวณด้านท้าย เพื่อป้องกันพานท้ายแตกจากการยืดหดตัวของเนื้อไม้ รวมทั้งจากตกกระแทกนะครับ ไม่ได้ทำมาเพื่อใช้ตอกหรือกระแทกอะไรแข็งๆทั้งสิ้น ที่ใช้เอาไปกระแทกหรือตอกอะไรนั้น เป็นการดัดแปลงเอาไปใช้ผิดวัตถุประสงค์กันเองครับ ซึ่งถ้าผมหรือจ่าเจอไอ้เณรเอาพานท้ายไปตอกหรือทุบแบบนี้ เจอเอาหมวกเหล็กเคาะหัวหรือสั่งแดกจนอ้วกแน่ ยิ่งถ้าพานท้านแตกด้วยละก็ งานนี้ส่งให้ส.ห.พาไปนอนคุกทหารเล่นก่อนละกัน เพราะปืนพวกนี้เป็นของหลวงนะครับไม่ใช่ของส่วนตัว ถึงจะเก่าก็จริงแต่แค่เอากระสุนใส่มันก็ยังใช้่ยิงได้นะครับ 

แล้วเวลารบประชิดตัวจริงๆ ปืนพก .45 หรือมีดพกกับดาบปลายปืนดีที่สุด ถ้าไม่มีก็พลั่วสนามกับท่อนไม้ใหญ่ๆ่ก็พอครับ มัวเอาพานท้ายกระแทกเจอดาบแทงหรือโดนยิงสวนนอนแผ่ก่อนพอดี   
ปืน M1 Garand แบบซุ่มยิง รุ่น M1C และ M1D ติดตั้งกล้องเล็ง M84 โดยรุ่น M1D จะมีปลอกลดแสง T-37 ครับ ดูแล้วคล้ายปืนไรเฟิลอัตโนมัติ M14 จริงๆครับ 
ปืนพระราม 6 ก็คือปืนไรเฟิล Lee Enfield รุ่น SMLE No.1 Mk.3 ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ Bolt-action ใช้กระสุน .303 British ความจุ 10 นัด ระยะหวังผล 550 หลา แต่ของปืนพระราม 6 จะมีการผลิตขึ้นมาเฉพาะเพียง 10,000 กระบอกเท่านั้นและมีการทำสัญลักษณ์ * ไว้ด้วยครับ
ปืนกล Russian M1910 Maxim ออกแบบโดยยึดปืนกล Maxim เป็นต้นแบบ จัดเป็นปืนกลหนักชนิดหนึ่ง ใช้กระสุน 7.62x54 mm. R ระบบปฏิบัติการแบบ Recoil-operated อัตราการยิง 600 นัด/นาที บรรจุด้วยสายกระสุน 250 นัด
ปืนกลมือ PPS-43 ใช้กระสุน 7.62x25 mm. Tokarev ระบบปฏิบัติการแบบ Blowback, open bolt อัตราการยิง 550 นัด/นาที ระยะหวังผล 100-200 เมตร ความจุ 35 นัด
ปืนพก Nagant M1895 ใช้กระสุน 7.62x38 mm. R (7.62 Nagant) ระบบปฏิบัติการแบบ Double action ระยะหวังผล 25 หลา ความจุ 7 นัด
รูปกระสุน 7.62x38 mm. R (7.62 Nagant) ครับ ผลิตโดยการนำปลอกกระสุนไรเฟิล 7.62x54 mm. R มาทำการผลิต
เขาเรียกว่าปืนกล "Gatling" ครับ เป็นผลงานประดิษฐ์โดยนาย Richard Jordan Gatling ครับ เป็นต้นแบบให้ปืนกลหลายลำกล้องยุคนี้ด้วย ส่วนกระสุนยังใช้การอัดหัวกระสุนพร้อมดินปืนและแก็ปลงไปในปลอกแล้วเอาหมอนอุดไว้ จากนั้นก็นำกระสุนมาบรรจุลงแมกกาซีนอีกที เวลาจะยิงก็นำแมกกาซีนมาใส่ตรงช่องใส่ทางด้านบนของปืน ตอนยิงก็ต้องใช้มือหมุนข้อเหวี่ยง (อยู่ทางด้านซ้ายของรูป) ปืนถึงจะเริ่มยิงครับ


ตอนสมัยเรายกทัพไปปราบพวกฮ่อที่เวียงจันทน์สมัยร.4-ร.5 เราก็ใช้ปืนกลกัตลิ่งนี่ละครับติดตั้งบนหลังช้างแล้วยิงกราด พวกฮ่อล้มตายเป็นใบไม่ร่วงเลย
#นานา #สาระ
123581321
นักแสดงรับเชิญ
27 ม.ค. 53 เวลา 16:42 27,866 14 118
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...