อุทาหรณ์ เสพติด ศัลยกรรม จากคน(เคย)สวย

 


อุทาหรณ์.. เสพติดศัลยกรรม จากคน(เคย)สวย อุทาหรณ์.. เสพติดศัลยกรรม จากคน(เคย)สวย

 

 



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการตีสิบ โพสต์โดย คุณ MeejungLoveChannel สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

            เรื่องราวของการ "เสพติดศัลยกรรม" นั้น เป็นอุทาหรณ์ที่เตือนใจผู้ที่อยากสวยทางลัดมานักต่อนักแล้ว ถึงแม้ว่าจะมีกี่เคสกี่กรณีมาเตือนใจคุณสาว ๆ ให้ยับยั้งชั่งใจ และรู้จักคำว่า "พอ" แต่กระนั้นก็ยังมีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้นอีก เฉก เช่นเรื่องราวของ คุณส้ม นลินภัทร ชัยเรืองกิตต์ สาว (เคย) สวย วัยเกือบ 30 ที่รายการตีสิบ (31 กรกฎาคม) นำเสนอให้ฟังกันในวันนี้ เธอออกตัวเลยว่า เธอเสพติดศัลยกรรมขั้นหนัก ทำศัลยกรรมจนเริ่มสวย และความสวยก็ค่อย ๆ ลดลงมาตามลำดับ

            คุณส้ม ได้เท้าความถึงสาเหตุที่ทำให้เธอ "เริ่ม" ศัลยกรรมให้ฟังว่า... เธอเป็นผู้หญิงธรรมดาหน้าตาไม่ค่อยสวย แต่งงานมีครอบครัว และมีลูก 2 คน ส่วนแรงฮึดที่ทำให้เธออยากสวยนั้น เป็นเพราะความน้อยใจที่สะสมมาตลอด ไม่ว่าจากการไปพบเพื่อนของสามี ที่ถามว่า เอาภรรยาหรือแม่มา พอตอนกลับบ้านก็ยกมือไหว้แล้วเรียกเธอว่า "หม่าม๊า" หรือไม่ก็เวลาไปเที่ยวกับเพื่อนที่ต้องนั่งเรือ เพื่อนก็พูดว่าไม่อยากนั่งกับเธอเพราะกลัวเรือล่ม และไล่เธอไปนั่งหัวเรือเป็นยักษ์ประจำเรือ แต่ที่แย่ที่สุดคือมีเด็กเรี่ยไรเงินเห็นเธอเป็นลูกจ้างล้างจาน ทั้ง ๆ ที่เธอเป็นเจ้าของร้าน
 


            จากคำติของเพื่อน ๆ ที่ค่อย ๆ สะสมมา ทำให้เธอตั้งมั่นว่า ชั้นอยากสวย และต้องสวยให้ได้ วิธี แรกที่เธอเริ่มทำนั้นก็คือ การลดน้ำหนัก ด้วยความสูงถึง 174 เซนติเมตร ประกอบกับน้ำหนักตัว 96 กิโลกรัม อีกทั้งยังเป็นโรคพุ่มพวง (SLE) ซึ่งเอฟเฟกต์จากยาของโรคดังกล่าว ส่งผลให้เธอดูบวม และตัวใหญ่ขึ้น แต่พอเธอตั้งใจลดน้ำหนัก ทั้งฟิตเนส ออกกำลังกาย เข้าสถาบันลดน้ำหนัก... น้ำหนักของเธอก็ลดลงเหลือ 68 กิโลกรัม ซึ่งเธอก็พอใจกับน้ำหนักนี้

            คุณส้ม เล่าต่อว่า พอเธอน้ำหนักลดลงเรื่อย ๆ ลูกค้าร้านก๋วยเตี๋ยวของเธอ ก็ทักว่า สวยขึ้นนะ ไม่ลองทำจมูกและคางล่ะ เธอก็สนใจ เลยติดต่อสอบถามจนได้ความว่า ลูกค้ารู้จักนางพยาบาลที่เป็นคนช่วยศัลยแพทย์ มีความรู้ทางด้านนี้ สามารถเรียกเขามาฉีดที่บ้านได้ หรือเรียกสั้น ๆ ว่า "หมอกระเป๋า หรือหมอเดลิเวอรี่"  ซึ่งเธอก็สนใจเป็นอย่างมาก และติดต่อให้นางพยาบาลคนนี้มาฉีดให้ที่บ้าน
 


            ส่วนวิธีการ ฉีดทำสวยครั้งแรกของคุณส้มนั้น เธอเล่าว่า ด้วยความที่ 5 ปีที่แล้ว เธอยังเล่นอินเทอร์เน็ตไม่เป็น เลยไม่ได้ศึกษาเรื่องราวการศัลยกรรมก่อนลงมือทำ พอพยาบาลบอกว่า ฉีด 1 ครั้ง 1 พันบาท เธอก็ไม่รู้ว่าราคานี้มันถูกหรือแพง แต่ด้วยความอยากสวยก็เลยลองดู ซึ่งพยาบาลใช้ "คอลลาเจนสังเคราะห์จากสัตว์" ใส่หลอดฉีดยาใหญ่มาก ๆ โดยเธอเลือกที่จะฉีดตรงคาง และจมูก อย่างละเข็ม และเมื่อฉีดเข้าไปแล้ว พยาบาลก็จะค่อย ๆ ตบ เกลี่ย พร้อมกับปั้น ให้เป็นรูปทรงที่สวยเข้าที่... สำหรับการฉีดครั้งแรกนั้น ถือได้ว่าถูกใจเธอเป็นอย่างมาก เพราะไม่มีรอยแผล แถมสามีก็ทักว่าหน้าเรียวลง ไปทำอะไรมา
 

 


             คุณส้ม เล่าว่า จากเสียงชมคราวนั้น มันก็ทำให้เธอดีใจ จนขอใช้บริการอีก เนื่องจากราคาถูกและไม่มีรอยแผล โดยครั้งที่สองเธออัดฉีดแบบจัดเต็ม ในราคา 1,500 บาท อีกทั้งยังแถมการฉีดใต้ตาที่เรียกว่า "ดอลลี่อายส์" ให้อีกด้วย ซึ่งพอฉีดเสร็จ แล้วลองแต่งหน้าดูปรากฏว่า เธอชอบมาก ดูสวยขึ้นผิดหูผิดตาเลยทีเดียว... ต่อจากนั้นอีกประมาณ 2 ปี เธอก็อยากอัพเกรดความสวย และเริ่มอินเทอร์เน็ตเป็น เธอเลยเริ่มค้นคว้าและศึกษาวิธีการทำศัลยกรรมอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยศัลยแพทย์จริง ๆ ไม่ใช่หมอกระเป๋าแบบที่เรียกใช้บริการประจำ

            การลงมีดศัลยกรรมครั้งแรกของคุณส้ม เธอเลือกทำปากเรียว แต่ด้วยความที่ว่า ไม่กล้าบอกสามีว่าจะไปทำศัลยกรรม จึงโกหกว่า เธอไม่สบายไม่ขอไปเปิดร้าน 1 วัน แล้วพอสามีออกจากบ้านปุ๊บ เธอก็นั่งแท็กซี่ไปคลินิกปั๊บ ด้วยความที่เธอเข้าใจว่า การศัลยกรรมเรียวปากนั้น จะเป็นแผลในช่องปาก ไม่ใช่บนริมฝีปาก เพราะเธอดูรีวิวการทำศัลยกรรมแต่ไม่กล้าดูตอนระหว่างทำ เธอจึงไม่รู้ว่า การทำปากบางนั้น จะทำให้เธอเป็นแผลบนริมฝีปากชัดเจนอย่างนี้... เธอจึงขอที่ปิดปากคุณหมอมาและบอกว่าสามีว่าไม่สบาย ซึ่งสามีก็เริ่มแปลกใจแล้วว่าทำไมพูดจาติด ๆ ขัด ๆ เลยบอกให้เธอถอดผ้าปิดปากออก แล้วก็ต้องตกใจเพราะปากของเธอในตอนนั้น เหมือนแฟรงเกนสไตน์เลย (หัวเราะ)
 


            คุณส้ม กล่าวต่อว่า พอความแตกเธอก็ต้องสารภาพหมดเปลือกว่าที่สวยขึ้นจนต้องทัก เป็นเพราะเธอไปฉีดคอลลาเจนมา ซึ่งสามีก็ตกใจ และบอกว่าอันตราย แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรมาก เพียงแค่เตือนว่าให้ดูให้ดีและให้ทำกับศัลยแพทย์ที่เชี่ยวชาญ แต่ก็อย่าทำมากเกินไปเท่านั้น พอเธอได้ยินดังนั้น ก็คิดว่าแฟนเธอคงอนุญาตให้ทำได้ เธอก็เลยคิดทำเพิ่มอีก แบบไม่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ แล้ว

            จากนั้นเธอก็เริ่มสวย และกลายเป็นคนติดกระจก ไปไหนมาไหนก็ต้องส่อง เพราะภูมิใจในความสวยของตัวเอง แต่คราวนี้ก็มีบางคนบอกว่า น่าจะทำตานะ ซึ่งเธอก็นึกขึ้นได้ว่า ตาของเธอยังไม่เคยทำเลย เลยคิดจะทำตาสองชั้น แต่ถ้าหากทำตาก็จะเป็นรอยแผลเป็นหลายสัปดาห์ อีกทั้งตอนนั้นพ่อแม่ของสามียังไม่รู้ว่าเธอศัลยกรรม เธอจึงทำแบบขมวดปม 3 จุดบนเปลือกตา แทนการกรีดตา ซึ่งทำได้สักพักก็ต้องไปขมวดใหม่เพราะมันจะหย่อนเร็ว โดยเธอทำทั้งหมด 3 ครั้ง จนครั้งล่าสุดเธอก็เลือกที่จะกรีดตาถาวร
 

 


            พอคุณส้มกรีดตา ปากเรียว ฉีดดั้ง ฉีดคาง เธอก็รู้สึกว่าสวยขึ้น ไปไหนมาไหนมีแต่คนชม เพื่อน ๆ สามีที่เรียกเธอว่า หม่าม๊า ก็บอกว่าสามีได้เมียใหม่ ทำให้เธอภูมิใจมาก ๆ แต่แล้วจากคำชมก็กลายเป็นโทษ... ที่ค่อย ๆ ทำให้เธอเสพติดศัลยกรรมแบบไม่รู้ตัว ใครจะห้าม ใครจะว่าอย่างไร เธอก็ไม่สนใจ เพราะเธอคิดว่าคนอื่นคงอิจฉาในความสวยของเธอ แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันไม่ใช่เลย หน้าจากที่ทำจนสวย ตอนนี้ก็เริ่มไม่สวย และเอฟเฟกต์จากคอลลาเจนสังเคราะห์จากสัตว์ที่หมอกระเป๋ามาฉีดให้ มันก็เริ่มออกฤทธิ์เมื่อ 3 ปีให้หลัง จนเธอต้องแก้หลายต่อหลายครั้ง

            คุณส้ม เล่าว่า ใต้ตาเป็นอย่างแรกที่เธอเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ เพราะเธอเริ่มโฟกัสไม่ชัด และใต้ตาก็ย้อยลงมาเหมือนตาคนแก่ เธอเลยไปหาคุณหมอท่านหนึ่งให้แก้ให้ คุณหมอบอกว่า เธอโดนหลอกแล้วไม่มีหมอที่ไหนเขาฉีดสารอะไรเข้าใต้ตา เพราะบริเวณดวงตามันมีเส้นประสาทเป็นพัน ๆ เส้น แต่ก็พยายามแก้ให้ โดยขูดคอลลาเจนนั้นออกมาเม็ดใหญ่ประมาณสาคู แถมยังเด้งได้อีกด้วย จิกก็ไม่แตก (หัวเราะ)

            ต่อมา "คาง" ของคุณส้มก็เริ่มย้วย เริ่มไร้ความรู้สึก เหมือนมีลูกปิงปองอยู่ใต้คาง หมอที่ไหนก็ไม่รับแก้ เนื่องจากมันใกล้เส้นประสาท ถ้าผิดพลาดขึ้นมาก็อาจจะทำให้ปากเธอเบี้ยวได้ จนมาเจอคุณหมอท่านหนึ่ง ท่านก็พยายามขูดให้ ซึ่งการขูดออกมันยากลำบาก และเจ็บมาก ๆ โดยครั้งนี้เธอขูดเป็นครั้งที่ 5 แล้ว แต่ก็ยังไม่หมด
 


            สำหรับสามีของเธอ คือ ธนัสสรณ์ ชัยเรืองกิตต์ ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ที่ผ่านมานั้น ตนก็ไม่ได้เชิงอนุญาตให้เขาทำศัลยกรรม แต่ในเมื่อห้ามแล้วเขาไม่ฟัง ตนคงทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงแต่เตือนให้เขาทำกับศัลยแพทย์ที่ถูกต้อง ไม่ใช่หมอกระเป๋าที่เคยทำ และก็อยากให้หยุดทำแล้ว

            สุด ท้ายนี้ คุณส้มก็ได้เตือนใจคนที่กำลังคิดจะทำศัลยกรรมว่า เรื่องของเธอน่าจะเป็นอุทาหรณ์ได้ดี การทำศัลยกรรมไม่ใช่เรื่องผิด มันเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่อย่างไรก็ตาม ก็อยากให้เพื่อนศึกษาดี ๆ จากศัลยแพทย์โดยตรง ไม่ใช่หมอเดลิเวอรี่เหมือนสมัยก่อน และอยากให้รู้จัก คำว่าพอ อย่าไปฟังเสียงใครมาก เพราะเราอาจจะเจ็บตัวซ้ำซ้อนเนื่องจากต้องแก้แล้วแก้อีก และอาจจะไม่สวยเหมือนเดิมเลยก็ได้...

 


คลิป AT10@เสพติดศัลยกรรม...หมอกระเป๋า 1 : เครดิต รายการตีสิบ โพสต์โดย คุณ kaewchai


 
คลิป AT10@เสพติดศัลยกรรม...หมอกระเป๋า 2 : เครดิต รายการตีสิบ โพสต์โดย คุณ kaewchai



คลิป AT10@เสพติดศัลยกรรม...หมอกระเป๋า 3 : เครดิต รายการตีสิบ โพสต์โดย คุณ kaewchai



 คลิป AT10@เสพติดศัลยกรรม...หมอกระเป๋า 4 : เครดิต รายการตีสิบ โพสต์โดย คุณ kaewchai
#ศัลยกรรม
THEPOco
ผู้กำกับภาพ
สมาชิก VIP
3 ส.ค. 55 เวลา 07:21 3,556 1 30
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...