เผยโฉมเครื่องบินไฮโดรเจนรักษ์โลก บินได้รอบโลกโดยไม่ต้องพัก

 เครื่องบินหลายรุ่นหลายลำ ยึดหลักการทรงตัวบนอากาศของนกมาออกแบบเป็น

อากาศยานสำหรับเดินทางไกลในฟากฟ้า เช่นเดียวกับการออกแบบเครื่องบิน Lockheed

Stratoliner โดยนาย วิลเลียม บราวน์ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากนกปากแอ่นหางลาย

(Bar Tailed Godwit) นกนักบินอพยพระยะไกล ที่บินจากอลาสก้ามายังออสเตรเลีย ซึ่งมี

ระยะทางไกลถึง 7,256 ไมล์ ได้โดยไม่หยุดพัก แถมยังมีจุดเด่นที่อาศัยการขับเคลื่อน

ระบบไฮโดรเจนรักษ์โลกและดีไซน์ที่แปลกตากว่าเครื่องบินทั่ว ๆ ไปอีกด้วย 

            บราวน์ กล่าวว่า เครื่องบิน Lockheed Stratoliner ของเขานี้ ถูกออกแบบมาให้

สามารถบินได้ไปที่ใดของโลกก็ได้ แถมชั่วโมงการบินก็ยาวนานไม่ต้องหยุดแวะพักเพื่อ

เติมน้ำมันให้เสียเวลา แม้รูปร่างต้นแบบที่เขาออกแบบไว้จะดูประหลาดและแปลกล้ำหน้า

กว่าเครื่องบินที่เคยเห็นกันที่คุ้นตาไปเสียหน่อยหน่อย ด้วยปีกที่มีขนาดใหญ่กว่าเครื่องบิน

ทั่ว ๆ ไป ซึ่งบราวน์บอกว่า จะช่วยประคองให้มันยกตัวร่อนอยู่กลางอากาศได้สูงขึ้น และ

บินออกไปได้เหมือนกับนกที่ร่อนอยู่กลางอากาศ 

  ส่วนการทำงานก็ทำงานด้วยระบบ "ไครโอเจนิค ไฮโดรเจน เทอร์โบแฟน"

(Cryogenic Hydrogen Turbofan) หรือเครื่องยนต์ไฮโดรเจน ซึ่งมีทั้งหมด 4 ตัว ก็

จะทำให้มันบินขับเคลื่อนไปได้ได้โดยไม่ต้องการเผาผลาญเชื้อเพลิง รวมถึงทำงานได้ใน

สภาพพลังงานต่ำด้วย ซึ่งนับเป็นการประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยิ่ง 

            นอกจากหลักการทำงานของเครื่องยนต์รักษ์โลกที่น่าสนใจแล้ว ดีไซน์ของเครื่อง

บินลำนี้ก็ยังไม่เหมือนใครอีกด้วย โดยเฉพาะส่วนหัวที่งุ้มลงเหมือนกับเครื่องบินคองคอร์ด

และส่วนหางสองแฉกเหมือนกับเครื่องบินรบนั่นเอง 

            อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการพิสูจน์ว่าเครื่องบินดีไซน์แปลกตานี้จะสามารถบินได้จริง

หรือไม่ รวมถึงยังไม่มีโครงการแน่ชัดว่าจะสร้างเครื่องบิน Lockheed Stratoliner นี้ขึ้นมา

จริง แต่อย่างน้อยหวังว่าด้วยการทำงานแบบเครื่องยนต์รักษ์โลกและการออกแบบที่

เป็นการเป็นแนวทางใหม่ให้กับวงการอากาศยานจะเป็นแรงขับให้มีการพัฒนาเครื่องบินที่มี

ประสิทธิภาพดียิ่ง ๆ ขึ้น

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก yankodesign.com

1 ต.ค. 54 เวลา 00:27 2,499 4 60
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...