ลิเวอร์พูล 2-0 เชลซี

 

    

       เฟร์นานโด ตอร์เรส คืนฟอร์มเก่งเหมายิงช่วย "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิดรังไล่จิกเอาชนะ "สิงห์บลูส์" เชลซี 2-0 ในบิ๊กแมตช์ของศึกลูกหนังพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำคืนวันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน 2553
       
        ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
        ลิเวอร์พูล 2-0 เชลซี

       คาร์โล อันเชล็อตติ หวังนำพลพรรค "สิงห์บลูส์" เชลซี มาเก็บแต้มที่แอนฟิลด์ ทว่ายังต้องขาดสองกำลังในแดนกลางอย่าง แฟรงค์ แลมพาร์ด และ มิคาเอล เอสเซียง แนวรุกได้ ฟลอรองต์ มาลูดา มาปั้นเกมทางกราบ แต่กุนซือชาวอิตาเลียนเลือกที่จะพัก ดิดิเยร์ ดร็อกบา แล้วใส่ ซาโลมอน กาลู ลงมาแทน ด้าน รอย ฮอดจ์สัน ปรับหมากให้ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เช่นกันปล่อยดาวรุ่งอย่าง มาร์ติน เคลลี ยืนแบ็กขวา พร้อมกับหุบ เจมี คาร์ราเกอร์ มายืนเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ แนวรุกได้ เดิร์ก เคาท์ จอมขยันกลับมาช่วยสร้างเกมให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส ลุ้นสกอร์

       เริ่มเกมการแข่งขันทั้งสองฝ่ายยังพยายามจับจังหวะครองเกมบุก แต่ยังไม่มีฝ่ายไหนทำเกมได้จะแจ้งเพื่อลุ้นทำประตู แต่ถึงนาทีที่ 11 ลิเวอร์พูล สบายปีกออกนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะที่ เดิร์ก เคาท์ หยอดบอลเข้ากรอบโทษให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส ดึงบอลลงได้นิ่มนวลแตะหนี จอห์น เทอร์รี เข้าไปยิงบอลผ่านมือ ปีเตอร์ เช็ก ซุกก้นตาข่าย พอเสียประตูไป เชลซี พยายามดันเกมรุกขึ้นไปแต่เกมไม่ต่อเนื่อง เป็นทางเจ้าถิ่นที่สวนกลับมาได้ลุ้นกว่า มักซี โรดริเกซ ได้วอลเลย์จากนอกกรอบแต่บอลก็เหินไปพอสมควร
       
        นาทีที่ 27 เหล่า "เดอะ ค็อป" ในแอนฟิลด์ ตะโกนร้องจะเอาจุดโทษเมื่อเห็นบอลไปโดนแขน ยูริ เชียร์คอฟ แต่ผู้ตัดสิน ฮาเวิร์ด เว็บบ์ ไม่ได้เป่านกหวีดแต่อย่างใด โดยจังหวะดังกล่าว ลูคัส เลวา ฉกบอลได้ยิงในกรอบโทษแต่พุ่งเข้าซอง เช็ก ผ่านครึ่งชั่วโมง มาร์ติน เคลลี ดันเกมบุกขึ้นมาล็อกหลบ แอชลีย์ โคล ก่อนหักยิงด้วยซ้ายบอลแฉลบ จอห์น เทอร์รี ออกไป ก่อนหมดครึ่งแรกนาทีเดียว ลิเวอร์พูล ก็หนีห่างเป็น 2-0 เมื่อ ราอูล ไมเรเลส ชิงบอลได้จากกลางสนามก่อนแทงออกซ้ายให้ ตอร์เรส ลากหนี บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ก่อนปั่นบอลเสียบเสาไกลอย่างงดงาม ทดเจ็บ "สิงห์บลูส์" ชวดตีไข่แตก เมื่อ นิโกลาส์ อเนลกา หลุดเข้าไปยิงบอลไม่ได้ลุ้น จบ 45 นาทีแรก คาร์โล อันเชล็อตติ มีการบ้านให้แก้ไขเยอะทีเดียว

       ลุยต่อครึ่งหลัง "คาร์เล็ตโต" เปลี่ยนเอา ดิดิเยร์ ดร็อกบา หัวหอกตัวแกร่งลงมาเล่นแทน ซาโลมอน กาลู ที่แทบไม่มีบทบาทกับเกม จากนั้นเกมของ "สิงห์บลูส์" ดีขึ้นเป็นลำดับ ดร็อกบา สามารถพักบอลในแดนหน้ากดดันทำให้กองหลังเจ้าบ้านต้องทำฟาล์ว แต่ลูกยิงฟรีคิกของดาวยิงทีมชาติไอวอรี โคสต์ ยังไม่ตรงกรอบ ถึงหนึ่งชั่วโมงพอดี โคล เติมเกมขึ้นมาทางซ้ายก่อนโยนให้ รามิเรส โหนโหม่งหลุดเสาไปแบบได้เสียว ถัดมา เชียร์คอฟ ได้กระหน่ำด้วยซ้ายข้างถนัดร้อนถึง โฆเซ เรนา ต้องพุ่งไปปัดทิ้งที่เสาแรก นาทีที่ 66 เชลซี พลาดโอกาสได้ประตูอีกครั้ง ฟลอร็องต์ มาลูดา ได้ยิงเหน่งๆ แต่ เรนา โชว์ซูเปอร์เซฟปัดบอลทิ้งไปได้อย่างเหลือเชื่อ
       
        เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย ลิเวอร์พูล ดันกันขึ้นมาเหมือนกัน ตอร์เรส ยิงไกลจากกราบซ้ายบอลแฉลบเท้า อเล็กซ์ หลุดเสาไกลไปแบบมีลุ้นเหมือนกัน จากลูกเตะมุม ไมเรเลส ได้ยิงในกรอบโทษบอลแฉลบกองหลังทีมเยือนมาเข้าทาง เดิร์ก เคาท์ ยิงติดปลายเท้า เช็ก หลุดเสาแบบฉิวเฉียดที่สุด ท้ายเกม "สิงห์บลูส์" พยายามเดินหน้าลุยหวังทวงประตูคืน และก่อนหมดเวลา 4 นาที ทีมยังไม่ได้ประตูอีกเมื่อ อเนลกา ได้ซัดเต็มข้อบอลลอดตัว เรนา แฉลบไปโดนคานออกมา ดร็อกบา จะซ้ำก็โดน เจมี คาร์ราเกอร์ ขวางไว้อีก ช่วงทดเจ็บ มักซี พลาดยิงฝังเมื่อเลี้ยงไปโดน เช็ก ใช้ตัวบังล้มในกรอบโทษ แต่เชิ้ตดำไม่เป่าให้ หมดเวลา "หงส์แดง" ยันอยู่คว้าชัยสามนัดติด มีเพิ่มเป็น 15 คะแนนจาก 11 นัด ขึ้นมาอยู่ที่ 9 ของตาราง ขณะที่ เชลซี มี 25 คะแนนดังเดิม ขึ้นหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รองจ่าฝูงอยู่แค่ 2 แต้มเท่านั้น
        
        รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
        ลิเวอร์พูล : โฆเซ เรนา , มาร์ติน เคลลี , เจมี คาร์ราเกอร์ , มาร์ติน สเคอร์เทล , พอล คอนเชสกี , ราอูล ไมเรเลส , ลูคคัส เลวา , เดิร์ก เคาท์ , สตีเวน เจอร์ราร์ด , มักซี โรดริเกซ , เฟร์นานโด ตอร์เรส
       
        เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก , บรานิสลาฟ อิวาโนวิช , อเล็กซ์ , จอห์น เทอร์รี , แอชลีย์ โคล , รามิเรส , จอห์น โอบี มิเกล , ยูริ เชียร์คอฟ , ซาโลมอน กาลู , นิโกลาส์ อเนลกา , ฟลอร็องต์ มาลูดา



       สรุปผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำคืนวันอาทิตย์
       
        อาร์เซนอล 0-1 นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
        [0-1 : แอนดรูว์ คาร์โรลล์ (น.45)]
       
        เวสต์บรอมวิช อัลเบียน 0-2 แมนเชสเตอร์ ซิตี
        [0-1 : มาริโอ บาโลเตลลี (น.20) , 0-2 : มาริโอ บาโลเตลลี (น.27)]
       
        ลิเวอร์พูล 2-0 เชลซี
        [1-0 : เฟร์นานโด ตอร์เรส (น.11) , 2-0 : เฟร์นานโด ตอร์เรส (น.44)]

ข่าววันที่   07  พฤศจิกายน 2010  


8 พ.ย. 53 เวลา 08:53 3,842 4 30
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...