3D Express Coach รถยนต์วิ่งอยู่ใต้รถไฟ นวัตกรรมด้านการขนส่งมวลชนรูปแบบใหม่ของจีน

จีนไอเดียบรรเจิด เตรียมเปิดระบบขนส่งมวลชนรูปแบบใหม่  "3D Express Coach" (นิคเนม "สเตรดดิ้ง บัส") ครั้งแรกในโลก หวังลดปัญหาการจราจรติดขัด และเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการด้านขนส่งมวลชน โดยจะเริ่มก่อสร้างโครงการนำร่องระยะทาง 186 ก.ม. ที่เขตเหมินโถวโกว ในกรุงปักกิ่งราวปลายปีนี้
 

หากมองเผินๆ ระบบขนส่งมวลชน  "3D Express Coach" หรือ "สเตรดดิ้ง บัส" นวัตกรรมล่าสุดจากแดนมังกร อาจแลดูคล้ายรถไฟแบบเบา (light-rail train) หรือรถไฟใต้ดินกำลังวิ่งอยู่บนท้องถนน (โดยมีรถยนต์วิ่งอยู่ใต้รถไฟใต้ดินอีกที) ซึ่งถือเป็นไอเดียสุดล้ำที่ บริษัท เซินเจิ้น ฮาชิ ฟิวเจอร์ พาร์กิ้ง อีควิปเมนท์ จำกัด นำมาเปิดตัวครั้งแรกในงาน "ปักกิ่ง อินเตอร์เนชั่นแนล ไฮเทค เอ็กซ์โป" เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

China straddling bus

[ENGLISH voice over] tall giant bus train

the only English video

 

 

 

ทางบริษัทฯ ระบุว่า ปัจจุบันนี้ จีนมีระบบขนส่งมวลชนหลักๆ อยู่ 4 รูปแบบ คือ รถไฟฟ้าใต้ดิน, รถไฟแบบเบา, รถเมล์บีอาร์ที (รถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ) และรถเมล์ธรรมดา ซึ่งต่างก็มีข้อดี-เสียแตกต่างกันไป แต่การตัดถนนเพิ่ม สร้างส่วนต่อขยายรถไฟใต้ดิน หรือเพิ่มปริมาณรถโดยสารเพื่อรองรับความต้องการของประชาชนที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จำเป็นต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาล และอาจส่งผลกระทบในด้านต่างๆ ตามมา เช่น   รถไฟใต้ดินต้องใช้เงินลงทุนสูงและใช้เวลาในการก่อสร้างนาน  ส่วนรถเมล์บีอาร์ทีก็สิ้นเปลืองพลังงาน ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศและทางเสียง ทั้งยังทำให้พื้นผิวการจราจรแน่นหนา และเกิดปัญหาการจราจรติดขัด

 
ด้วยเหตุนี้ ทางบริษัทฯ จึงคิดค้นระบบขนส่งมวลชน  "สเตรดดิ้ง บัส"  ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  รองรับผู้โดยสารได้คราวละมากๆ ช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัด และใช้งบประมาณในการก่อสร้างต่ำ (เพียง 10% ของค่าก่อสร้างรถไฟใต้ดิน) โดยผสมผสานข้อดีของรถเมล์บีอาร์ทีและรถไฟใต้ดินเข้าด้วยกัน  ซึ่งทางบริษัทหวังว่า "สเตรดดิ้ง บัส" จะมาแทนที่รถบีอาร์ทีและรถไฟใต้ดินในอนาคต
 


รถโดยสาร "สเตรดดิ้ง บัส" มีความสูง 4.5-5.5 เมตร กว้าง 6 เมตร ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและพลังงานแสงอาทิตย์ ได้รับการออกแบบให้เป็นรถโดยสารที่มี 2 ชั้น ชั้นบนเป็นห้องโดยสาร ส่วนชั้นล่างเปิดโล่งเพื่อให้รถยนต์ที่มีความสูงไม่เกิน 2 เมตรวิ่งลอดใต้ท้องรถได้ จึงไม่กีดขวางการจราจรแม้ในขณะจอดรับ-ส่งผู้โดยสาร สามารถรองรับประชาชนได้ครั้งละ 1,200-1400 คน และวิ่งได้ด้วยความเร็ว 40-60 ก.ม./ช.ม.

 
นอกจากโครงการดังกล่าวจะช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดบนถนนสายหลักได้มากถึง 25-30%,  ประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงได้มากถึง 860 ตัน/ปี, ลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ 2,640 ตัน และไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังใช้เงินลงทุนเพียง 500 ล้านหยวน (2.4 พันล้านบาท) แถมระยะเวลาในการก่อสร้างก็สั้นกว่าเมื่อเทียบกับรถไฟใต้ดิน
 

อย่างไรก็ตาม ในการวางระบบรถโดยสาร "สเตรดดิ้ง บัส" จำเป็นต้องตรวจสอบและปรับปรุงสภาพถนนก่อน จากนั้นก็วางระบบซึ่งสามารถทำได้ 2 แบบ คือ ติดตั้งราง 2 ฟากถนน ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงาน 30% หรืออาจทาเส้นสีขาวแทนราง และใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติ (auto-pilot) เพื่อให้รถวิ่งตามเส้นที่กำหนดไว้
 
ในส่วนของสถานีจอดรับ-ส่งผู้โดยสาร สามารถสร้างได้ 2 แบบ คือ แบบให้ผู้โดยสารเข้า-ออกบริเวณด้านข้างเหมือนรถไฟใต้ดิน และแบบขึ้น-ลงทางบันไดที่อยู่ภายในตัวรถ
 



ด้านความปลอดภัย บริเวณท้ายรถยังมีระบบตรวจสอบความสูงของรถที่วิ่งตามมา เพื่อป้องกันและคอยเตือนไม่ให้รถที่สูงเกิน 2 เมตรวิ่งผ่านใต้ท้องรถ ขณะที่อุโมงค์ใต้ท้องรถก็มีระบบเรดาร์คอยสแกนและเตือนไม่ให้รถยนต์วิ่งใกล้ล้อรถมากเกินไป อีกทั้งยังมีสัญญาณไฟเลี้ยวคอยบอกให้รถที่วิ่งอยู่ทางด้านล่างรู้ล่วงหน้าว่า "สเตรดดิ้ง บัส" กำลังจะวิ่งไปในทิศทางใด

 



และในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินหรือเกิดเพลิงไหม้ บริเวณประตูรถทางด้านข้างก็จะเปิดออกโดยอัตโนมัติ และทำหน้าที่เป็นบันไดฉุกเฉินให้ผู้โดยสารสไลด์ตัวลงมาทางด้านล่างในลักษณะ เดียวกับบันไดฉุกเฉินบนเครื่องบิน
 
ทั้งนี้ ทางการจีนมีแผนก่อสร้างโครงการนำร่องระบบขนส่งมวลชน
"3D Express Coach" หรือ "สเตรดดิ้ง บัส"  ระยะทาง 186 ก.ม.
ที่เขตเหมินโถวโกว ในกรุงปักกิ่งราวปลายปีนี้

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...