10 ตัวเต็งซิวฟีฟ่า บัลลงดอร์

หลังจากจบศึกฟุตบอลโลก 2010 ตอนนี้เรื่องที่น่าสนใจคงหนีไม่พ้นว่านักเตะคนไหนที่จะได้รับรางวัล บัลลงดอร์ ซึ่งตอนนี้มีการร่วมตัวระหว่างรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่า กับ บัลลงดอร์ เรียบร้อยแล้ว โดยได้ชื่อสุดกิ๊บเก๋ยูเรก้าว่า "ฟีฟ่า บัลลงดอร์" สำหรับผู้เล่นที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นกับต้นสังกัด รวมทั้งในนามทีมชาติ ต่างก็ได้รับการคาดหมายว่าจะคว้ารางวัลทรงเกียรติในครั้งนี้ ส่วนนักเตะรายใดที่จะได้เป็นตัวเต็งในการซิว "บอลทองคำ" (โกลเด้นบอล) ครั้งนี้ ลองมาพิจารณาดันดีกว่าว่ามีความเป็นไปได้อย่างที่สื่อ ต่างประเทศคาดการณ์กันไหวหรือไม่

1. เวสลี่ย์ สไนเดอร์ (อินเตอร์ มิลาน & ทีมชาติฮอลแลนด์)
               เมื่อ 20 เดือนก่อน สไนเดอร์ เป็นนักเตะที่แทบจะไม่มีใครสนใจเนื่องจากเขาต้องเผชิญกับความทุกข์เวทนาจาก อาการบาดเจ็บ รวมทั้งฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่ตอนที่ยังค้าแข้งให้ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด แต่เหมือนสวรรค์มีตาทิตย์มอบให้กับ โชเซ่ มูรินโญ่ เทรนเนอร์เลือดโปรตุกีส ซึ่งขณะนั้นยังกุมบังเหียน "งูใหญ่" ตัดสินใจลองเสี่ยงครั้งสำคัญ สะกิด มัสซิโม่ โมรัตติ ประธานสโมสร ให้ควักกระเป๋าดึงตัว จอมทัพเลือดดัตช์ รายนี้มาเล่นในถิ่น จูเซ็ปเป้ เมอัซซ่า เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา และนั้นก็คือการกลับชาติมาเกิดครั้งใหม่ของ สไนเดอร์ เมื่อเขางัดฟอร์มเก่งเหมือนสมัยที่เป็นเด็กปั้นของ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ออกมาได้อีกครั้ง และช่วยให้ "เนรัซซูรี่" ผงาดครองทริปเบิ้ลแชมป์ได้อย่างยิ่งใหญ่ ที่สำคัญไปกว่านั้นการคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเOยนส์ ลีก ยังเกิดขึ้นในถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว บ้านหลังเก่าที่ไม่เห็นคุณค่าของเขาอีกด้วย  

                ส่วนผลงานกับทัพ "อัศวินสีส้ม" ทุกๆ คนก็ได้ประจักษ์สายตาแล้วกับฟอร์มในศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ โดย สไนเดอร์ ตะบันไป 5 ประตูนำ ฮอลแลนด์ ผงาดเข้ารอบชิงชนะเลิศ ได้อย่างสุดยอด พร้อมสถิติไม่แพ้ชาติใดในโลก แต่สุดท้ายไปไม่ถึงสวรรค์โดนเขากระทิงของ สเปน ขวิดไส้แตกร่วงวิมานในอากาศอย่างน่าเสียดาย แต่อย่างไรเสีย ฟอร์มของ มิดฟิลด์หัวเหม่ง ก็โดดเด่นเป็นสง่าที่สุดและน่าจะเป็นปีทองของเขาเลยก็ว่าได้

 



2. ชาบี เอร์นานเดซ (บาร์เซโลน่า & สเปน)
               จอมทัพ "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า เป็นผู้เล่นที่ได้รับการเคารพยำเกรงจากผลงานที่คงเส้นคงวาทั้งในระดับสโมสร และกับทีมชาติ และหากใครจดจำฟอร์มของเขาในเกมกลาซิโก้ แมตช์ ชนะ เรอัล มาดริด 2-0 จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ชาบี เล่นได้เหมือนกับเทพยังไงยังงั้น ส่วนในฐานตัวแทนทัพ "กระทิงดุ" มิดฟิลด์ร่างเล็ก ก็ไม่เคยลืมฟอร์มตอนที่เล่นให้ บาร์ซ่า เลย เมื่อทำหน้าที่ส่งบอลแบบทีเด็ดทีขาดใหกับเพื่อนร่วมทีมเปิดเกมรุกได้ตลอด เวลา จนมีคำกล่าวว่า "หากอยากหยุด สเปน ต้องหยุด ชาบี ให้ได้" คำพูดนี้ไม่มีอะไรเกิดจริงเลย เพราะเขาได้แสดงให้เห็นในศึกเวิลด์ คัพ ครั้งล่าสุดแล้ว เมื่อมีสถิติในการผ่านบอลมากที่สุด และช่วยให้ สเปน ผงาดครองแชมป์โลกครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์ด้วย

 




3. อันเดรส อิเนียสต้า (บาร์เซโลน่า & สเปน)
               คู่หูมหาประลัยของ ชาบี ต้องยอมรับว่าฟอร์มของเขาสุดยอดเหมือนกับเพื่อนรักจริงๆ เพราะกับ บาร์เซโลน่า เจ้าตัวก็เล่นได้อย่างโดดเด่น และช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีกเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาได้อย่างยิ่งใหญ่ แต่น่าเสียดายที่มีปัญหาบาดเจ็บคอยรบกวนทำให้ไม่ค่อยได้มีโอกาสลงสนามมากนัก แต่หากเมื่อไหร่ที่ อิเนียสต้า อยู่ในสนามพร้อมกับ ชาบี คู่แข่งพึ่งระวังไว้ได้เลยว่าต้องเจอกับปัญหาใหญ่แน่นอน เพราะ 2 แข้งเทพจาก "เจ้าบุญทุ่ม" มีความสามารถเฉพาะตัวที่ยากจะจัดการได้เลย เรื่องนี้ต้องให้คนใกล้ตัวอย่าง ชาบี สาธยายถึงความสุดยอดของเพื่อนรักว่า "อิเนียสต้า เป็นผู้เล่น สเปนที่สมบูรณ์แบบที่สุด เขามีทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในตัว" แน่นอนว่าหากไม่มี มิดฟิลด์กระหม่อมบางรายนี้ สเปน คงไม่ได้แชมป์โลก เพราะเขาเป็นคนยิงประตูชัยนั่นเอง

 



4. อาร์เยน ร็อบเบน (บาเยิร์น มิวนิค & ฮอลแลนด์)
                 สำหรับรายนี้ ก็มีประวัติไม่ต่างอะไรกับ สไนเดอร์ เพราะเป็นผู้เล่นที่โลกแทบจะลืมไปแล้วเมื่อโดนทั้งอาการบาดเจ็บรุมเร้าเป็น ว่าเล่น แถมกลับมาฟิตสมบูรณ์ก็ไม่ได้รับความไว้วางใจจากโค้ช ให้ลงสนามกับ เรอัล มาดริด ส่งผลให้นักเตะต้องตัดสินใจย้ายไปทำมาหากินกับ "เสือใต้" ในลีกเมืองเบียร์ และสวรรค์ก็เหมือนแกล้ง "ราชันชุดขาว" ต้องน้ำตาร่วง เพราะ อดีตสตาร์ เชลซี งัดฟอร์มเทพนำ บาเยิร์น ผงาดเข้าชิงแชมเOยนส์ ลีก ที่สนามเหย้าของอดีตสโมสร แต่สุดท้ายเป็นได้แค่พระรองเท่านั้น อย่างไรก็ตาม กับผลงานในบุนเดสลีกา ต้องยกนิ้วโป้งให้เพราะเล่นได้ไม่มีที่ติดซัดกระจาย 23 ประตูจากการเล่น 29 เกมเท่านั้น และช่วยให้ต้นสังกัดสอยแชมป์ลีก รวมทั้ง เดเอฟเบ โพคาล มานอนกอดสบายอุรา
 สำหรับในเกมแชมเOยนส์ ลีก แม้จะได้แค่รองแชมป์ แต่ทุกคนยังจดจำลูกยิงวอลเล่ย์สุดสวยของเขาได้เป็นอย่างดีในเกมเขี่ย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตกรอบแบบน่าเจ็บปวด ในส่วนผลงานกับ ฮอลแลนด์ แม้ช่วยรอบแบ่งกลุ่มเจ้าตัวจะมีปัญหาบาดเจ็บรบกวน แต่สุดท้ายก็สามารถเรียกความฟิตได้สำเร็จ และโชว์ลีลา ลากเลื้อยได้สะเด็ดสะเด่า จะว่าไปแล้วในเกมนัดชิงฯ หากจังหวะหลุดเดี่ยวของเขาทั้ง 2 ครั้งเป็นประตู ป่านนี้ชื่อที่สลัดอยู่บนถ้วย ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ คงไม่ใช่ สเปน แน่นอน


 




5. ดีเอโก้ ฟอร์ลัน (แอตเลติโก มาดริด & อุรุกวัย)
                  เชื่อหรือไม่ว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์(กระผม)สัน บรมกุนซือ "ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คงนั่งเขกกบาลตัวเองที่ปล่อยตัวเพชรเม็ดงามออกจากถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ฟอร์ลัน ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นเป็นสง่านับตั้งแต่ตัดสินใจย้ายมาเล่นกับ บียาร์เรอัล ก่อนที่จะบรรจบพบกับฟอร์มสุดยอดให้ แอต.มาดริด เนื่องจากเจ้าตัวช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ ยูโรป้า ลีก ได้อย่างยิ่งใหญ่เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา สำหรับการเล่นให้ อุรุกวัย ในเวิลด์ คัพ ฉบับซาฟารี ต้องยอมรับสุดว่าเป็นเรื่องที่สุดแสนเซอร์ไพรส์ เพราะไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะโชว์ฟอร์มได้เหนือความคาดหมายแบบนี้ โดยเฉพาะลูกยิงไกลที่เป็นเครื่องหมายการค้าของเขาไปแล้ว และยังช่วยให้ทัพ "จอมโหด" คว้าอันดับ 4 มาครองได้ด้วย ฉะนั้นคงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจที่เขาได้รับการเลือกให้เป็นผู้เล่นยอด เยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์นี้

 




6. โธมัส มุลเลอร์ (บาเยิร์น มิวนิค & เยอรมัน)
                 นักเตะรายนี้มีอะไรที่คล้ายๆ กับผู้เล่นในการ์ตูนเรื่อง Roy of the Rovers โดยเมื่อปีก่อนเขาเริ่มต้นด้วยการเล่นในระดับดิวิชั่น 3 ของลีกเยอรมัน หลังจากนั้นก็พัฒนาฝีเท้าขึ้นมาจนสุดท้ายได้รับความไว้วางใจจาก หลุยส์ ฟาน กัล เทรนเนอร์เลือดดัตช์ ให้ขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ "เสือใต้" ขอบอกว่านับตั้งแต่โอกาสในครั้งนั้น ช่วยสร้างชื่อให้กับชายหนุ่มวัย 20 ปี กลายเป็นผู้เล่นที่เนื้อหอมที่สุดในวงการลูกหนังยุโรป โดยเขาสวมบทเพชรฆาตซัดไปเบาะๆ 19 ตุงจากการเล่น 46 เกม ช่วยให้ บาเยิร์น ซิวดับเบิ้ลแชมป์มาครองเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา สำหรับฟอร์มกับ เยอรมัน ก็ต้องยกย่องว่าเยี่ยมยอดกระเทียมดองดีแท้ เมื่อซัดไป 5 ประตู รวมทั้งช่วยส่งให้เพื่อนยิงประตูได้อีกหลายครั้ง จนได้รับการคัดเลือกให้เป็นดาวซัลโวสูงสุดประจำศึกเวิลด์ คัพ 2010 พร้อมควบตำแหน่งดาวรุ่งยอดเยี่ยมด้วย ว่ากันว่าหาก มุลเลอร์ ไม่โดนแบนในเกมรอบตัดเชือกกับ สเปน ผลการแข่งขันคงไม่ทำให้ชาวด๊อยท์ชน้ำตาร่วงแน่นอน ที่สำคัญมีหลายคนพูดกันให้แซดว่า นักเตะรายนี้ยังสามารถพัฒนาฟอร์มการเล่นได้อีกมากซะด้วย ดังนั้นช่วงซัมเมอร์นี้ถิ่นอัลลิอันซ์ อารีน่า คงต้องรับแขกมากมายที่มายื่นข้อเสนอซื้อนักเตะแน่นอน


 



7. ดาบิด บีย่า (บาร์เซโลน่า & สเปน)
                 ผลงานกับ บาเลนเซีย ช่วยการันตีให้เขาเป็นยอดกองหน้าในโลกใบนี้ และไม่ใช่เรื่องแปลกที่ บาร์ซ่า ยอมทุ่มเงินซื้อตัวมาล่าตาข่าย ที่สำคัญกับ สเปน ต้องยอมรับว่าหากไม่ได้เขาคนนี้คอยตะบันตาข่ายคู่แข่ง ทัพ "กระทิงดุ" คงไม่ได้เฉลิมฉลองกันทั้งประเทศแบบนี้แน่นอน บีย่า ซัดไป 5 ประตู และน่าจะคว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุดประจำทัวร์นาเมนต์ไปครองแบบไร้คู่แข่งหาก ไม่ยิงจุดโทษพลาดในเกมกับ ฮอนดูรัส ในรอบแบ่งกลุ่ม กับ "ไอ้ค้างคาว" บีย่า ซัดกระจาย 20 ประตูและช่วยให้ทีมคว้าอันดับ 3 ได้สำเร็จ แต่สำหรับในฤดูกาลใหม่ด้วยสไตล์การเล่นแบบเดินหน้าฆ่าลูกเดียวของ "เจ้าบุญทุ่ม" คงช่วยให้ หัวหอกวัย 28 ปี ถล่มประตูคู่แข่งเป็นว่าเล่นชัวร์
 




8. ลิโอเนล เมสซี่ (บาร์เซโลน่า & อาร์เจนตินา)
                 เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ และนักเตะยอดเยี่ยมของฟีฟ่า คนล่าสุด รวมทั้งเป็นตัวเต็งที่จะคว้ารางวัลนี้อีกครั้ง หลังจากทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับ บาร์เซโลน่า โดย อัจฉริยะลูกหนัง ตะบันประตูไปเบาะๆ 34 ลูกจากการเล่นในลีกกระทิง 35 แมตช์ รวมทั้งคว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุด แชมเปียนส์ ลีก จำนวน 8 ประตู อย่างไรก็ตาม ราคีคาวในชีวิตของ ดาวเตะเลือดอาร์เจนไตน์ อยู่ในศึกเวิลด์ คัพ ครั้งล่าสุด โดยผลงานของเขาย่ำแย่เกินจะรับได้ ส่งผลให้โอกาสในการคว้าบัลลงดอร์ เป็นคำรบสองติดต่อกันแทบจะมืดมน งานนี้คงช่วยอะไรไม่ได้เพราะผลงานมันเห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเห่ยพอๆ กับฝีมือการกุมบังเหียนของ ดีเอโก้ มาราโดน่า  .
 





9. ดีเอโก้ มิลิโต้ (อินเตอร์ มิลาน &  อาร์เจนตินา)
                  รายนี้ดูดีมีอนาคตเพราะทำผลงานชิ้นโบว์แดงให้ "งูใหญ่" เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา โดยซัดกระจุยนำทีมคว้าทริปเบิ้ลแชมป์ได้อย่างยิ่งใหญ่ แต่ในทีมชาติอาร์เจนตินา เขากลับทำพบกับเรื่องย่ำแย่ แต่ไม่ได้แย่เพราะฟอร์มในการทำประตู แต่แย่เพราะโดน มาราโดน่า จับดองเค็มในซุ้มม้านั่งสำรอง ทั้งที่หากมองจากฟอร์มในลีก มิลิโต้ น่าจะมีประโยชน์มากกว่า กอนซาโล่ อิกวาอิน หลายเท่า แต่ก็อย่างว่าคนไม่เห็นความสำคัญ ฉะนั้นความ Shit หาย ก็เลยบังเกิดแก่ทัพ "ฟ้า-ขาว"
 มองย้อนกลับไปที่ผลงานในระดับสโมสร มิลิโต้ ซัดในลีกเมืองมะกะโรนี 22 ประตู ยูฟ่า แชมเOยนส์ ลีก 6 ตุง และ 2 ลูกในโคปปา อิตาเลีย โดยเฉพาะในเกมชิงฯ ถ้วยบิ๊กเอียร์ หัวหอกหน้าคม ซัดเบิ้ลให้ "เนรัซซูรี่" ปราบ บาเยิร์น มิวนิค ครองความเป็นเจ้ายุโรปได้อย่างไร้เทียมทาน แต่สำหรับในมหกรรมลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก มิลิโต้ มีโอกาสได้สัมผัสยอดหญ้าแค่ 91 นาทีเท่านั้น มันช่างน่าเศร้าสิ้นดี

 



10. อีเกร์ กาซิยาส (เรอัล มาดริด & สเปน)
                   จอมหนับของ "ราชันชุดขาว" ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งกับต้นสังกัด และสเปน ในระดับสโมสรคงไม่ต้องเช็คให้เสียเวลากับความยิ่งใหญ่ของเขาตลอด 10 ปีที่สวมเบอร์ 1 ในถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว ส่วนกับ สเปน นั้น กาซียาส ช่วยให้ทีมผงาดครองแชมป์ ยูโร 2008 ก่อนจะโชว์ความเหนียวพอๆ กับหนวดของ "หมึกพอล" ป้องกันประตูเป็นว่าเล่นโดยเสียแค่ 2 ลูกเท่านั้น และนำทัพ "กระทิงดุ" สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าแชมป์เวิลด์ คัพ 2010 สำหรับตอนนี้เขามีโอกาสที่จะสร้างประวัติศาสตร์ให้กับตัวเองต่อจาก เลฟ ยาชิน ตำ นายทวารโซเวียต & รัสเซีย ที่คว้าบัลลง ดอร์ มาครองในปี 1963 และก็คงไม่มีข้อครหาอันใดหาก กาซียาส จะได้รางวัลทรงเกียรตินี้ เพราะจากผลงานของเขาทั้งกับ เรอัล และ สเปน เป็นเครื่องการันตีความหนับได้ดีจริงๆ


 



เครดิต siamsport.co.th

21 ก.ค. 53 เวลา 18:21 2,624 4 48
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...