ตีแผ่ 6 เรื่องราวสุดแสนสะเทือนใจ นี่คือชีวิตจริงอันแสนโหดร้ายของ “ผู้อพยพ”

https://www.meekhao.com/news/refugee-heartbreaking-stories

การอพยพที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายและหนักหนาสาหัสที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้คนนับไม่ถ้วนประสบอุบัติเหตุ เจ็บป่วย และเสียชีวิต เพื่อแสวงหาชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิมนอกประเทศบ้านเกิดของตน ชาวแอฟริกาและตะวันออกกลางกว่า 160,000 คนได้หลั่งไหลเข้าไปในประเทศกรีซ ด้วยวิธีการเดินทางสุดอันตรายหลายรูปแบบ โดยหวังเพียงว่าจะได้รับความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ จากประเทศในทวีปยุโรป และเพื่อหนีให้พ้นจากอนาคตที่มืดบอดและสถานการณ์โหดร้ายที่อันตรายถึงตายในประเทศที่เคยเรียกว่าบ้าน

Brandon Stanton ผู้ก่อตั้งบล็อกชื่อดัง Humans of New York ได้ตัดสินใจที่จะเผยแพร่เรื่องราวชีวิตของผู้อพยพเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาในพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งความสำคัญของน้ำใจในหมู่เพื่อนมนุษย์

ในวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา เขาได้โพสข้อความว่า “อีกไม่กี่วันต่อจากนี้ผมจะเผยแพร่เรื่องราวของผู้อพยพที่เพิ่งเดินทางมายังยุโรปได้สำเร็จ รวมทั้งเรื่องราวของคนที่พยายามให้ความช่วยเหลือผู้อพยพเหล่านี้ พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของการอพยพครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ และแม้ว่าจะมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน แต่เรื่องราวของพวกเขาแต่ละคนล้วนแตกต่างและประกอบไปด้วยหลากหลายเหตุผล”   เรื่องราวสุดสะเทือนใจของพวกเขามีทั้งภรรยาที่ต้องสูญเสียสามีให้กับน้ำทะเลลึกที่หนาวเหน็บ เด็กชายที่ต้องเห็นเพื่อนๆ 4 คนตายไปต่อหน้าต่อตา ผู้ชายที่สูญเสียน้องชายเนื่องจากความโหดร้ายของกลุ่มไอซิส การสูญเสียและสังเวยชีวิตของเพื่อนร่วมชะตากรรมมากมายเพื่อให้คนส่วนใหญ่รอดชีวิต แต่ท่ามกลางความโหดร้ายก็ยังมีน้ำใจของคนดีๆ หลงเหลืออยู่

“ฉันและสามีขายทุกอย่างที่เรามีเพื่อหาทุนในการเดินทาง เราทำงานอย่างหนักวันละ 15 ชั่วโมงตอนอยู่ในประเทศตุรกีจนกระทั่งรวบรวมเงินได้สำเร็จ นายหน้าได้จัดการให้พวกเรา 152 ชีวิตลงเรือลำเดียวกัน ครั้งแรกที่เห็นเรือหลายคนอยากกลับ แต่เขาบอกว่าถ้าเรากลับเราก็จะไม่ได้เงินคืน เราไม่มีทางเลือก ทุกพื้นที่ในเรือเต็มไปด้วยผู้คนแออัดยัดเยียด คลื่นลมรุนแรงซัดเข้ามา กัปตันบอกให้ทุกคนทิ้งข้าวของไม่สำคัญลงไปในทะเล เรือของเราชนโขดหินแต่กัปตันบอกว่าไม่ต้องกังวล น้ำไหลทะลักเข้ามาแต่พวกเขาก็บอกว่าไม่ต้องกลัว คนที่อยู่ด้านล่างถูกน้ำท่วม เรือแน่นเกินกว่าจะหนีไปทางไหนได้ ทุกคนส่งเสียงกรีดร้อง ฉันและสามีเป็นคนสุดท้ายที่เอาชีวิตรอดมาได้โดยสามีดันฉันออกนอกหน้าต่างเรือ ตอนอยู่ในมหาสมุทรเขาถอดเสื้อชูชีพของตัวเองออกและมอบมันให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง เราว่ายน้ำไปเรื่อยๆ หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมงเขาก็บอกว่าเขาเหนื่อย เขาอยากเอนหลังและพักผ่อน ตอนนั้นรอบตัวเรามืดจนมองไม่เห็นอะไรเลย คลื่นก็สูง ฉันได้ยินเขาร้องเรียกฉัน แต่เสียงของเขาก็ค่อยๆ ไกลออกไปเรื่อยๆ ในตอนที่มีเรือกู้ชีพมาพบฉันพวกเขาก็หาสามีของฉันไม่เจอแล้ว” (เกาะคอส ประเทศกรีซ)

ผู้อพยพส่วนใหญ่เดินทางด้วยเรือพลาสติกลำเล็กๆ ทั้งๆ ที่จ่ายเงินให้กับนายหน้าไปถึง 55,000 บาท พวกเขาต้องลงไปแออัดกันอยู่ในเรือรอบละหลายร้อยคน ต้องเดินทางตอนกลางคืนเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุม ไม่นานเรือก็ล่ม คนจำนวนมากเสียชีวิต มีการส่งเรือกู้ภัยไปช่วยเหลือแต่ความสูญเสียก็มากเกินกว่าจะนับไหว

“ก่อนจะหนีไปยุโรปผมเดินทางกลับไปซีเรียเพื่อไปเยี่ยมครอบครัวเป็นครั้งสุดท้าย ผมนอนในยุ้งฉางเล็กๆ ของลุง เพราะทุกวันตำรวจจะมาเคาะประตูบ้านของพ่อเพื่อตามหาผม ในที่สุดพ่อก็ทนไม่ไหวและบอกว่า ‘ถ้าลูกอยู่นานกว่านี้อีกแม้แต่วันเดียวพวกเขาก็จะหาลูกพบและฆ่าลูกเสีย’ ผมจึงตัดสินใจติดต่อนายหน้าและเตรียมตัวไปอิสตันบูล ผมกำลังจะไปยุโรปตอนที่พี่สาวโทรมาหา เธอบอกว่าพ่อโดนตำรวจทุบตีอย่างหนัก และแม้ผมจะโอนรักษาไปมากกว่า 5,000 ยูโรแต่ก็ไม่สามารถรักษาชีวิตพ่อไว้ได้ เงินก้อนนั้นคือค่าเดินทางไปยุโรปของผม แล้วผมจะทำยังไงต่อไป? ผมไม่มีทางออกเลย อีกสองสัปดาห์ต่อมาพี่สาวก็โทรมาหาผมอีกครั้งพร้อมข่าวร้ายกว่าเดิม พี่ชายของผมถูกกลุ่มไอซิสฆ่าขณะออกไปทำงานที่บ่อน้ำมัน พวกมันพบที่อยู่ในบัตรประจำตัวของเขา จึงจัดการส่งศีรษะของเขามาพร้อมกับข้อความว่า ‘ชาวเคิร์ดไม่ใช่มุสลิม’ น้องสาวคนเล็กเป็นคนพบศีรษะของพี่ชายผม ตั้งแต่นั้นมาเธอก็ไม่เคยปริปากพูดอะไรอีกเลยแม้แต่คำเดียว” (เกาะคอส ประเทศกรีซ)

“ผมหวังว่าผมจะทำอะไรเพื่อเธอได้มากกว่านี้ ทั้งชีวิตเธอไม่เคยได้รับอะไรเลยนอกจากความเจ็บปวด เธอไม่เคยมีช่วงเวลาแห่งความสุข ไม่มีโอกาสได้สัมผัสชีวิตวัยเยาว์ที่สนุกสนานเหมือนเด็กทั่วไป ตอนที่เราขึ้นเรือผมได้ยินเธอพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้หัวใจของผมแทบแตกสลาย เธอบอกว่าเธอเห็นแม่ของตัวเองถูกฝูงชนรุมทุบตี และเธอก็กรีดร้องออกมาว่า ‘อย่าฆ่าแม่หนูเลย ฆ่าหนูแทนเถอะได้โปรด!'” (เกาะเลสบอส ประเทศกรีซ)

“ไม่มีคำว่าความปลอดภัยในแบกแดด เราใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัว ในวันหนึ่งเราก็ได้รับข้อความ พวกเขาบอกว่า ‘เอาเงินให้เรา หรือไม่อย่างนั้นเราก็จะเผาบ้านแกซะ ถ้าแจ้งตำรวจเราจะฆ่าพวกแก’ เราไม่มีใครให้หันหน้าไปพึ่งพา เราเป็นเพียงแค่คนจนๆ ไม่มีเพื่อนที่มีอำนาจ ไม่รู้จักใครในรัฐบาล ข้อความถูกส่งมาเรื่อยๆ ทุกวัน เราหวาดกลัวจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ เราไม่มีเงินให้พวกเขา แค่เลี้ยงปากท้องตัวเองยังเป็นเรื่องยาก ดังนั้นเราจึกพูดปลอบใจตัวเองว่า ‘บางทีพวกเขาอาจจะโกหก บางทีพวกเขาอาจจะไม่ทำอะไรเลยก็ได้’ แล้วในคืนหนึ่งเราก็ตื่นมาพร้อมกับบ้านที่ลุกไหม้ไปด้วยเปลวเพลิง เราพาเด็กๆ หนีออกมาแบบตัวเปล่า ในวันต่อมาเราได้รับข้อความอีกครั้ง ‘เอาเงินให้เรา หรือไม่ก็เตรียมตัวตาย’ ฉันตอบไปว่าเราจะหาเงินให้พวกเขาโดยเร็วที่สุด เราขายทุกอย่างที่มีและตัดสินใจหนี เราคิดว่ายอมตายในเรือพลาสติกดีกว่าตายที่นี่ในตอนนี้” (เกาะเลสบอส ประเทศกรีซ)

“พวกเขายิงจรวดออกมาจากภูเขาใกล้ๆ กับบ้านของเรา ซึ่งทุกครั้งจะมีเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เวลาได้ยินเสียงเขาจะวิ่งหนีเข้าห้องและล็อคประตู เราต้องหาเรื่องโกหกมาปลอบเขา เราบอกเขาว่ามันไม่มีอะไรต้องกังวล จรวดอยู่ไกลเกินกว่าที่จะโดนบ้านของเราได้ แต่ในวันหนึ่งขณะที่เขากำลังยืนรอรถบัสของโรงเรียนจรวดก็พุ่งเข้าใส่รถบัสต่อหน้าต่อตา เพื่อนๆ ของเขาสี่คนเสียชีวิต” (เกาะคอส ประเทศกรีซ)

“พ่อของผมเป็นชาวนาและเรามีพี่น้องทั้งหมด 8 คน ผมอพยพมายังออสเตรเลียเพราะเราไม่สามารถเลี้ยงปากท้องของคนในครอบครัวได้ ผมใช้เวลาอยู่ในเรือ 40 วันเต็มๆ ตอนมาถึงแรกๆ ผมไม่สามารถหางานทำได้เลยเพราะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ผมต้องนอนข้างถนนดังนั้นจึงรู้ว่ามันทรมานแค่ไหน ทุกวันนี้ผมขับรถออกไปแจกจ่ายอาหารให้กับผู้อพยพ ลูกชายของผมซึ่งช่วยบริหารกิจการด้วยพูดกับผมว่า ‘พ่อ การช่วยพวกเขามันก็ดีนะ แต่เราทำทุกวันไม่ไหวหรอก’ แต่ผมก็ยังคงออกไปทุกวันเพราะรู้ดีว่ามันเป็นยังไงถ้าชีวิตเราไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่อย่างเดียว” (เกาะคอส ประเทศกรีซ

ที่มา http://mymodernmet.com/humans-of-new-york-refugee-stories/?utm_source=feedly&utm_medium=webfeeds

#ผุ้อพยพ
THEPOco
Associate Producer
สมาชิก VIPสมาชิก VIPสมาชิก VIP
28 พ.ค. 60 เวลา 07:20 1,341
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...