จะเป็นอย่างไร ถ้าหากมนุษย์มีพฤติกรรมการสืบพันธุ์แบบสัตว์ชนิดต่างๆ!!

สัตว์ทุกชนิดล้วนต้องมีการสืบพันธุ์ เพื่อรักษาสายพันธุ์ให้ดำรงอยู่ต่อไปได้ แต่ถึงอย่างนั้นพฤติกรรมการสืบพันธุ์ของสัตว์แต่ละสายพันธุ์ก็มีความแตกต่างกันออกไป

และในบทความนี้ผมก็มีพฤติกรรมการสืบพันธุ์ของสัตว์ทั้งหมด 13 สายพันธุ์ซึ่งน่าสนใจมากมาฝาก พร้อมทั้งมีภาพประกอบให้เห็นด้วยว่า ถ้าหากมนุษย์มีพฤติกรรมแบบสัตว์สายพันธุ์ดังกล่าวจะเป็นอย่างไร ถ้าพร้อมแล้วไปชมพร้อมๆกันได้เลยครับ

ไฮยีน่าลายจุด

 

ไฮยีน่าลายจุดตัวเมีย จะมีขนาดที่ใหญ่กว่าและดุร้ายกว่าตัวผู้ ตัวเมียที่อยู่ในระดับล่างสุดก็ยังมีอำนาจมากกว่าตัวผู้ในทุกระดับ หรือแม้แต่ตัวผู้ที่โตเต็มวัย ก็ยังมีความกลัวเกรงต่อตัวเมียที่ยังเป็นเด็ก แต่อย่างไรก็ตามตัวเมียผู้เป็นลูกสาว จะไม่แสดงความก้าวร้าวต่อพ่อ แต่จะแสดงความก้าวร้าวต่อตัวผู้ตัวอื่นๆแทน

ไม่เพียงเท่านั้น ไฮยีน่าตัวเมียทุกตัวจะมี clitoris ใหญ่เป็นพิเศษ จนยื่นออกมาเป็นท่อ แม้กระทั่งส่วนของแคมนอกก็ห่อกันพันลงมาเป็นถุง คล้ายกับถุงอัณฑะ พูดง่ายๆก็คือพวกเธอมีอวัยวะเพศที่เหมือนตัวผู้ทุกประการ ที่สำคัญยังมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้เสียอีก ในภาษาวิทยาศาสตร์เราเรียกอวัยวะนี้ว่า pseudo-penis

การร่วมเพศของไฮยีน่าตัวผู้จะเป็นไปด้วยความลำบาก เพราะนอกจากตัวเมียจะแข็งแรงกว่าแล้ว ไฮยีน่าตัวผู้ยังต้องพยายามย้อนศรขึ้นไปตามท่อน pseudo-penis ของตัวเมีย

นกปักษาสวรรค์ หรือ นกการเวก หรือ นกวายุภักษ์

 

นกหลากหลายสายพันธุ์ ตัวผู้จะมีสีสันมากกว่าตัวเมีย และเจ้านกปักษาสวรรค์คือตัวอย่างที่จะแสดงให้เห็นถึงความมีสีสันของตัวผู้ได้อย่างชัดเจนที่สุด มันเป็นนกที่มีสีสันสวยมาก จนถูกขนานนามว่าเป็นกที่มีสีสันสวยที่สุดในโลก

ในป่าที่พวกมันอาศัยอยู่จะอุดมไปด้วยอาหารตลอดทั้งปี แถมยังไม่ไม่ค่อยมีผู้ล่าให้ต้องกังวล ฉะนั้นนกตัวผู้จึงมีเวลาเหลือเฟือที่จะสนใจแต่เรื่องหาคู่ โดยทั้งชีวิตของมันแทบจะใช้ทั้งหมดไปกับการเต้นเกี้ยวพาราสีตัวเมีย

ตัวผู้จะมีพฤติกรรมผสมพันธุ์กับตัวเมียตัวเดิมตลอดช่วงของการเกี้ยวพาราสี หรือจะผสมพันธุ์กับตัวเมียหลายตัว หรืออาจจะเป็นตัวเมียตัวเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีกในช่วงเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ ขณะที่ตัวเมียจะไม่มีปัญหา เนื่องจากตัวเมียจะเป็นฝ่ายที่เลือกตัวผู้จากลีลาการเต้นเกี้ยวพาราสี โดยจะใช้เวลาหลายชั่วโมงในแต่ละวันเพื่อมองเฟ้นหาตัวผู้ที่เหมาะสม ซึ่งถือเป็นการคัดเลือกทางเพศที่มีมาตั้งแต่อดีต

ลิงโบโนโบ หรือ ลิงแคระ หรือ ปิ๊กมี่ ซิมแปนซี

 

สัตว์โลกที่มีรักแบบเสรีที่สุดในโลก คงไม่มีชนิดไหนเกินลิงโบโนโบ เพราะมันจะมั่วรักกันวันละหลายๆครั้ง ทั้งระหว่าง ตัวผู้กับตัวเมีย ทั้งตัวเมียกับตัวเมีย และทั้งระหว่างตัวผู้ด้วยกันเองด้วย

สังคมของมันนั้นเป็นสังคมที่ตัวเมียนั้นจะเป็นศูนย์กลางและยังเป็นผู้นำฝูงอีกด้วย เป็นสังคมทีมีความเสมอภาค มีการแบ่งบทบาทและหน้าที่ระหว่าง ตัวผู้กับตัวเมียอย่างชัดเจนและเท่าเทียมกัน

พวกมันจะใช้ เพศสัมพันธ์ เพื่อเป็นการรักษาสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในฝูง รวมถึงใช้ทักทายกัน ใช้เพื่อแก้ไขความขัดแย้งในการทำสงครามระหว่างกลุ่ม ใช้เซ็กส์เพื่อเป็นตัวประสาน คือดีปรองดองกันภายหลังจากที่ทะเลาะกัน เป็นเครื่องมือในการกลมกลืนสมาชิกให้เข้าสู่ฝูง และทั้งช่วยสร้างความสมานฉันท์ให้แก่สังคมของมันด้วย

ลิงโบโนโบ นั้นจะมีความเหมือนกับมนุษย์อยู่มากก็ตรงที่ พวกมันจะแยกออกระหว่างการร่วมรักเพื่อสืบพันธุ์ กับร่วมรักเพื่อความบันเทิง จะต่างกันก็ตรงที่ดูเหมือนมันจะใช้เซ็กส์เป็นมารยาททางสังคมอย่างหนึ่ง คือพบเจอเพื่อนแทนที่มันจะทักกันว่า “สวัสดี” มันก็จะ “ร่วมเพศ” กันแทน และตามธรรมชาติของสัตว์โดยทั่วไปนั้น มักจะต่อสู้กันเพื่อที่จะแย่งอาหาร แต่ว่า ลิงโบโนโบนั้น กลับร่วมเพศกันก่อนจึงค่อยกิน

ปลาปอมปาดัวร์

 

พ่อและแม่ปลาปอมปาดัวร์จะรักและเอาใจใส่ลูกๆของมันเป็นอย่างมาก โดยนับได้ว่าพ่อปลาปอมปาดัวร์ คือสัตว์ตัวผู้ที่มีความรักต่อลูกมากที่สุด ในอาณาจักร์แห่งสัตว์ทั้งปวง

ปลาปอมปาดัวร์เป็นสัตว์ประเภท Monogamous หรือที่เรียกว่ารักเดียวใจเดียว มีคู่เดียวตลอดชีวิต เมื่อครั้งถึงเวลาตัวเมียวางไข่ พวกมันทั้งคู่จะช่วงกันหาที่วางไข่ที่เหมาะสม และเมื่อวางไข่เสร็จ ตัวเมียจะมีหน้าที่ปกป้องไข่ทั้งหมด ส่วนตัวผู้ก็จะมีหน้าที่ปกป้องตัวเมียอีกที

และเมื่อถึงเวลาที่ไข่จะฟักตัว ตัวไหนที่ฟักยาก พ่อแม่ปลาจะคอยเล็มไข่เบาๆเป็นการช่วยเหลือ เมื่อลูกปลาจะเริ่มเคลื่อนไหวได้ มันก็จะมาเกาะกินเมือกบนตัวพ่อแม่ปลาเป็นอาหาร จนกว่าพวกมันจะโตพอจนหาอาหารเองได้

Metellina Segmentata

 

โดยทั่วไปแมงมุมตัวผู้จะกลายเป็นเหยื่อของตัวเมียหลังจากเสร็จกิจกรรมการผสมพันธุ์ แต่สำหรับ Metellina Segmentata แล้ว ตัวผู้นั้นจะป้องกันตนเองด้วยพันตัวเมียด้วยใยแมงมุมก่อนจะมีเพศสัมพันธุ์ และมันจะผสมพันธุ์ด้วยความรวดเร็ว เพราะตัวเมียนั้นจะพยายามดิ้นหลุดเพื่อมามีส่วนร่วมในกิจกรรมรักด้วยนั่นเอง

มด

 

ราชินีมดจะจับคู่กับตัวผู้หลายตัว โดยเหล่าตัวผู้จะทิ้งสเปิร์มไว้ในตัวกระเปาะของราชินีมดเพื่อไว้ใช้ในภายหลัง ซึ่งสามารถเก็บได้นานถึง 10-20 ปีหรือมากกว่านั้น ไข่ที่ได้รับการผสมน้ำเชื้อจะกลายเป็นตัวเมีย มดงาน และราชินี นอกนั้นจะกลายเป็นตัวผู้ที่มีหน้าที่แค่ผสมพันธุ์กับมดราชินี หรือจะพูดง่ายๆก็คือ มดตัวผู้ คือมดที่ไม่มีพ่อนั่นเอง

ม้าน้ำ

 

ม้าน้ำตัวเมียจะมีส่วนที่คล้ายอวัยวะเพศชาย ซึ่งเรียกว่า อวัยวะวางไข่ (Ovipositor) ซึ่งตัวเมียจะสอดเจ้าอวัยวะที่ว่านี้ลงในถุงหน้าท้องของตัวผู้เพื่อวางไข่ และม้าน้ำตัวผู้ก็จะปล่อยน้ำเชื้อเข้าผสมกับไข่และฟักเป็นตัวอ่อนภายในถุงหน้าท้อง โดยตัวผู้จะมีหน้าที่อุ้มท้องแทนตัวเมีย

เหตุที่ม้าน้ำวิวัฒนาการมาเช่นนี้ เชื่อว่าเพื่อที่ลูกๆจะได้รับการปกป้องจากพ่อ และเพื่อที่แม่จะได้ใช้พลังงานในการสร้างไข่ล็อตต่อไป และเมื่อถึงเวลาที่ลูกม้าน้ำฟักเป็นตัว พ่อแม่ก็จะได้สามารถผสมพันธุ์ได้อีกรอบในทันทีนั่นเอง

ทั้งนี้ม้าน้ำเป็นสัตว์ที่มีความซื่อสัตว์ในความรัก และมีความอ่อนโยน เมื่อตัวผู้ตั้งท้อง ตัวเมียก็จะแวะมาเยี่ยมตัวผู้อยู่เสมอ พร้อมทั้งใช้เวลาอยู่ด้วยกันพอสมควร

ไก่ป่า

 

เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ ไก่ป่าตัวผู้จะมารวมตัวกันเพื่อโชว์ความสามารถไม่ว่าจะเป็นสีขน การส่งเสียงร้อง หรือเต้นเพื่อเกี้ยวพาราสีตัวเมีย ในบางครั้งจะมีการต่อสู้กันบ้าง แต่นั่นเป็นเพียงการใช้การต่อสู้เพื่อบังหน้า เพื่อที่พวกมันจะได้โชว์ความสวยงามของขนให้ตัวเมียได้เห็นเท่านั้นเอง

นกกีวี่

 

นกกีวี่เป็นสัตว์ที่มีลักษณะที่แปลกไปจากนกอื่น ๆ มาก ด้วยมีวิวัฒนาการเป็นของตัวเองอย่างชัดเจน พวกมันมีขนปุกปุยคล้ายขนแมวหรือเส้นผมมนุษย์ พวกมันเป็นสัตว์หากินกลางคืน พวกมันบินไม่ได้ และมีรูจมูกอยู่ที่เกือบปลายสุดของจงอยปาก

แต่ที่แปลกที่สุดก็คือ พวกมันเป็นนกที่ออกไข่ได้ฟองใหญ่ที่สุดในบรรดานกทั้งหมดเมื่อกับขนาดลำตัว ใหญ่มากขนาดที่ว่าเมื่ออยู่ในท้องตัวเมียจะหายใจลำบาก และวันสุดท้ายก่อนวางไข่ตัวเมียจะกินอะไรไม่ได้เลย

เมื่อตัวเมียวางไข่เสร็จ ตัวผู้จำมีหน้าที่ฟักไข่แต่เพียงผู้เดียว และการฟักไข่จะใช้เวลานานมากถึง 2-3 เดือน ซึ่งเป็นระยะเวลานานที่สุดในบรรดานกทั้งหมด เมื่อไข่ฟักเป็นตัว ลูกนกกีวี่จะอาศัยอยู่กับแม่เป็นเวลาสองสามปี ก่อนที่จะหากินได้ด้วยตัวเอง

ลิงทามาริน

 

ลิงทามารินเป็นสัตว์ที่มีความหลากหลายทางโครงสร้างครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น ชาย1หญิง1 ชาย1หญิง2 แต่สายพันธุ์ทามารินส่วนใหญ่เท่าที่พบตอนนี้จะเป็นแบบ “ชาย2หญิง1″

เหตุผลที่เป็นเช่นนั้น เพราะว่าโดยปกติทามารินตัวเมียจะให้กำเนิดลูกแฝด และตัวผู้จะเป็นฝ่ายดูแลเอาใจใส่ลูกเป็นหลัก ในขณะที่ตัวเมียจะมีหน้าที่ให้นมลูกเท่านั้น ทั้งนี้การดูแลลูกทามารินหนึ่งตัว เป็นเรื่องที่ยากมาก ฉะนั้นแล้วการมีตัวผู้สองตัวเพื่อที่จะได้ช่วยกันดูแลลูก จึงสมเหตุสมผลที่สุด

ในขณะเดียวกันหากโครงสร้างครอบครัวเป็นแบบ ชาย1หญิง2 ตัวผู้หนึ่งตัวก็ต้องดูแลลูกถึง 4 ตัว ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นงานที่หนักหนาสาหัสมากเลยหล่ะ

Side-blotched lizard

 

กิ้งก่า Side-blotched lizard ตัวผู้จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ คอสีส้ม คอสีน้ำเงิน และคอเหลือง โดยแต่ละประเภทก็จะมีวิธีหาคู่ที่แตกต่างกัน

พวกคอสีส้มจะมีฮอร์โมนเพศผู้มากที่สุด โดยที่มันจะให้ความสำคัญกับการขยายอาณาเขต และมีคู่ครองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถึงแม้ว่ามันจะมีหน้าที่ปกป้องตัวเมีย แต่มันก็ไม่ได้จริงจังกับตัวเมียตัวไหนเลย และยังสามารถต่อสู้เอาชนะพวกคอสีน้ำเงินเพื่อแย่งอาณาเขตได้อีกด้วย

สำหรับสีน้ำเงินจะมีขนาดตัวเล็กกว่า มีฮอร์โมนเพศผู้น้อยกว่า มีอาณาเขตที่ใหญ่เพียงพอแค่ให้มีคู่ครองได้ตัวเดียว และมันก็จริงจังกับตัวเมียตัวนั้นด้วย พวกมันมีหน้าที่ปกป้องตัวเมียเช่นเดียวกับสีส้ม และต่อสู้กับผู้รุกรานจนกว่าจะแน่ใจว่าคู่ของมันปลอดภัย

และสุดท้ายคือพวกคอสีเหลือง พวกนี้จะมีสีที่ใกล้เคียงกับตัวเมียมาก และไม่มีอาณาเขตเป็นของตัวเอง แต่จะเป็นหนึ่งในบริวารของคอสีส้ม และจะแอบเป็นชู้กับคู่ครองของสีส้ม เนื่องจากคอสีส้มไม่ได้ใส่ใจคู่ครองของมันเท่าไหร่ และตัวเมียเหล่านั้นก็ไม่แคร์ที่จะแอบเป้นชู้กับตัวผู้สีเหลืองด้วยเช่นกัน

ในขณะเดียวกัน ตัวเมียที่เป็นคู่ครองของคอสีน้ำเงินจะมีความซื่อสัตว์ และไม่สนใจพวกคอสีเหลืองเลยแม้แต่น้อย

หมึกกระดอง

 

เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ หมึกกระดองตัวที่ใหญ่ที่สุดและแข็งแรงที่สุด จะหาทำเลหินที่เหมาะสำหรับการวางไข่ ตัวเมียที่มีขนาดเล็กกว่ามากก็จะมาตรวจดูที่หินดังกล่าวและดูว่าตัวผู้ตัวนั้นใหญ่และแข็งแรงจริงหรือเปล่า หากตัวเมียเลือกตัวผู้ ตัวผู้ตัวนั้นก็จะปกป้องตัวเมียอยู่เป็นระยะเวลาหนึ่ง เพื่อจะมั่นใจได้ว่าไม่มีตัวผู้ตัวไหนมาแย่งตัวเมียของมันไป

แต่ตัวเมียนั้นค่อนข้างเรื่องมากสักหน่อย เพราะจริงๆแล้วมันสนใจตัวผู้ที่ตัวเล็กกว่าและฉลาดกว่า ฉะนั้นมันจึงใช้ตัวใหญ่เพื่อเป็นเครื่องมือในการทดสอบตัวที่เล็กกว่าและฉลาดกว่า

แล้วตัวที่ฉลาดทำอย่างไรหล่ะ? ตัวผู้ที่ตัวเล็กกว่าและฉลาด จะปลอมตัวเป็นตัวเมีย และว่ายมาหาตัวผู้ตัวที่ใหญ่กว่า ก่อนที่จะเผยตัวตนที่แท้จริงให้กับตัวเมียตัวนั้น และทั้งคู่ก็กลายเป็นคู่รักกัน

เหตุผลที่ตัวเมียเลือกตัวผู้ที่ฉลาด ก็เพื่อที่ลูกของมันจะได้มีโอกาสรอดในโลกที่แสนโหดร้ายนั่นเอง

นกรัฟ

 

นกรัฟ เป็นนกที่มีความพิเศษในหลายๆด้าน เป็นหนึ่งในสายพันธุ์หายากที่นำเสนอตัวเองต่อตัวผู้ด้วยกัน มากกว่าที่จะนำเสนอตัวเองต่อตัวเมีย ด้วยเหตุผลที่ว่าพวกมันให้ความสำคัญต่อระบบชนชั้นนั่นเอง นอกจากนี้นกรัฟตัวผู้ยังแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ซึ่งมีความแตกต่างกันทั้งรูปร่างและพฤติกรรม

แบบแรกคือพวกที่แข็งแรงและดุร้ายที่สุด มันใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการต่อสู้ และสร้างอาณาเขต

ส่วนแบบที่สองจะมีขนาดตัวเท่ากับแบบแรก แต่มีความแข็งแรงน้อยกว่า ความคล่องตัวน้อยกว่า และสีขนสวยน้อยกว่า พวกนี้จะไม่มีอาณาเขตเป็นของตัวเอง แต่จะอาศัยอยู่ในอาณาเขตของจำพวกแรก และแอบเป็นชู้กับคู่ครองของจำพวกแรก โดยที่เจ้านกรัฟจำพวกแรกต้องอดทนกับพฤติกรรมนี้ เพราะการมีอยู่ของจำพวกที่สอง จะสามารถดึงดูดตัวเมียได้

ส่วนนกรัฟจำพวกสุดท้าย จะมีขนาดเล็กกว่า ดูคล้ายตัวเมีย และไม่มีอาณาเขตเป็นของตัวเอง พวกมันจะเป็นชู้กับตัวเมียตัวอื่นๆ รวมไปถึงเป็นชู้กับตัวผู้ตัวอื่นด้วย!

แต่เดิมคนจะเข้าใจว่า เป็นเพราะตัวผู้ตัวอื่นสับสนคิดว่านกฟรักจำพวกสุดท้ายมีลักษณะเหมือนตัวเมีย แต่จากการศึกษาพบว่า พวกมันรู้ดีว่าตัวไหนเป็นเพศอะไร และเหตุที่นกรัฟจำพวกแรกอนุญาติให้จำพวกที่สามอยู่ในอาณาเขต ก็เพราะว่าพฤติกรรมการรักร่วมเพศจะสามารถดึงดูดตัวเมียได้เช่นกัน

ทั้งนี้นกรัฟจำพวกสาม จะใช้เวลากับตัวเมียในหน้าร้อน และกับตัวผู้ในหน้าหนาว ส่วนตัวเมียนั้นจะมีพฤติกรรมที่สำส่อนมาก โดยพวกมันจะชอบตัวผู้ประเภทสาม สอง และหนึ่งตามลำดับ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ผสมพันธุ์กับตัวผู้ได้ทุกประเภทเมื่อมีโอกาส

ขอบคุณที่มา:http://www.wegointer.com/2016/10/if-humans-used-animal-mating-rituals/

ที่มา: humoncomics

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...