ในยุคปัจจุบันที่นอกจากจะต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติแล้ว ยังต้องคอยระมัดระวังเรื่องของสงคราม อาวุธนิวเคลียร์ และการโจมตีอีกมากมาย รวมถึงโรคร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา นับได้ว่าความปลอดภัยเป็นเรื่องที่จำเป็นมากกับคนปัจจุบัน

ดังนั้นทางบริษัทในแคลิฟอร์เนียจึงเกิดไอเดียสร้าง "บ้านหลุมหลบภัยนิวเคลียร์" เรียกว่าชุมชน Vivos Group ประกอบด้วยบังเกอร์หลบภัยส่วนตัวกว่า 575 หลัง ตัวบังเกอร์ทำจากคอนกรีตเหล็กชุบแข็งสามารถทนต่อแรงระเบิดได้ 500,000 ปอนด์เลยทีเดียว

ตัวชุมชนตั้งอยู่บนเนินเขาใน Black Hills ของ South Dakota ถูกสร้างขึ้นในปี 1942 และดำเนินการโดยวิศวกรของกองทัพจนถึง 1967 เพื่อใช้เป็นสถานที่จัดเก็บระเบิดและอาวุธในช่วงสงครามเย็น

แต่แล้วในปี 2017 ทางบริษัทเอกชนได้ซื้อมันเป็นพื้นที่รวมแล้วกว่า 18 ตารางไมล์ จากนั้นก็เปลี่ยนชื่อเป็น "xPoint"

แต่มันไม่ได้มีไว้ขายนะ มีไว้ "เช่าเท่านั้น" แต่สามารถทำสัญญาเช่าได้นานถึง 99 ปีเลยทีเดียวสำหรับหลุมหลบภัย 1 บังเกอร์ ทั้งยังต้องชำระเงินล่วงหน้ากว่า 25,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 900,000 บาท) และเสีย 1,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 36,000 บาท) ทุกปีเพื่อเป็นค่าปรับปรุงชุมชน

ภายในบังเกอร์กว้าง 26.5 ฟุต และเพดานสูง 13 ฟุต และถ้าใครเช่าเป็นคนแรกๆ จะได้ขนาดใหญ่ถึง 80 ฟุต จากนั้นก็จะเหลือเพียง 60 ฟุตเท่านั้น

ประตูของชุมชนจะเปิดให้เฉพาะสมาชิกบังเกอร์เท่านั้น ทั้งยังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยฝีมือดีที่ผ่านการฝึกอบรมทางทหารมาด้วย

ทั้งยังมีระบบประปา ไฟฟ้า การผลิตไฟฟ้า ระบบกรองอากาศ และของเสียอีกด้วย โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเลย

นอกจากนี้ถ้าคุณต้องการการบำรุงรักษายังมีพนักงานบริการให้ตลอดเวลาเลยด้วย

บริษัทได้เปลี่ยนบังเกอร์ให้กลายเป็นบ้าน ผู้ซื้อหรือผู้เช่าจะได้รู้สึกปลอดภัยเหมือนกับอยู่บ้าน

นี่คือตัวอย่างของบังเกอร์ที่ทางบริษัทออกแบบไว้

นอกจากนี้ยังมีการวางแผนจะสร้างร้านขายของ ร้านอาหารและบาร์ โรงละครชุมชน สปา โรงยิม คลินิกการแพทย์ สวน โบสถ์ คอกม้า และอื่นๆ ไว้สำหรับสมาชิกอีกด้วย

และหลังจากเดือนมีนาคม 2017 หลังจากที่หิมะเริ่มละลาย ทางบริษัทจะจัดทัวร์ให้ผู้ที่สนใจจะเช่าอีกด้วย

และด้วยความทที่มันเป็นชุมชน ดังนั้นจึงมีแผนจะสร้างห้องเรียนและโรงเรียนสำหรับเด็กอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีถนนส่วนตัวกว่า 100 ไมล์ที่สามารถเข้าถึงบังเกอร์ได้อย่างรวดเร็ว มีสนามบินและรันเวย์ส่วนตัวอีกด้วย

และถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน มันจะกลายเป็น "ชุมชนปลอดภัยที่ใหญ่ที่สุดในโลก"