ประวัติศาสตร์ของวงการยุติธรรม ร.๙ เสด็จประทับบนบัลลังก์ศาล! ตัดสินคดีลักโม่-ขับรถชนกันคว่ำ-ฝรั่งหย่าแหม่ม!!

ตามปกติผู้พิพากษาของทุกศาล ก็เป็นตำแหน่งที่ต้องได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง และขึ้นนั่งบัลลังก์พิจารณาคดีในพระปรมาภิไธย ซึ่งรัฐธรรมนูญได้บัญญัติให้ทรงใช้อำนาจตุลาการทางการศาล แต่เมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๔๙๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ได้เสด็จปะทับบนบัลลังก์พิจารณาคดีด้วยพระองค์เอง เป็นมิ่งขวัญกำลังใจแก่บรรดาข้าราชการตุลาการทั้งหลาย

คดีแรกได้เสด็จขึ้นประทับบนบัลลังก์ในห้องพิจารณาคดี ๑๒ ของศาลอาญา ในคดีที่กรมอัยการ โดย นายเล็ก จุณนานนท์ เป็นโจทก์ นายแสวง แดงคล้าย อยู่บ้านเลขที่ ๑๗๘๘ ก. คลองต้นไทร กิ่งอำเภอคลองสาน จังหวัดธนบุรี เป็นจำเลย ในข้อหาว่า เมื่อคืนวันที่ ๙ มกราคมกับวันที่ ๑๐ เดือนเดียวกัน จำเลยได้บังอาจลักโม่หินสำหรับโม่แป้งทำขนมราคา ๘๐ บาท ของนายกาญจน์ ตันวิเศษ เหตุเกิดที่ท้องที่คลองต้นไทร

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระทัยในคดี ทรงหยิบสำนวนฟ้องมาทอดพระเนตร และไต่ถามอธิบดีศาลอยู่ตลอดเวลา

ศาลได้อ่านสำนวนฟ้องให้จำเลยฟัง จำเลยรับสารภาพตลอดข้อหาตามฟ้องของโจทก์ ไม่ขอสู้คดีต่อไป อัยการจึงแถลงถึงสาเหตุแห่งรูปคดีว่า ตำรวจสำเหร่จับจำเลยได้ขณะที่นั่งทับโม่หินอยู่ในสวน มีท่าทางส่อพิรุธ ประกอบกับการที่จำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวน จึงส่งฟ้องศาลในข้อหาลักทรัพย์ รับของโจร ศาลโดยหลวงการุณนราธรณ์ ได้อ่านคำพิพากษาให้จำคุกจำเลย ๖ เดือน รับสารภาพลดเหลือ ๓ เดือน ประกอบกับเป็นความผิดครั้งแรกไม่เคยทำความผิดมาก่อน จึงให้รอการลงอาญาไว้มีกำหนด ๒ ปี ให้คืนทรัพย์ของกลางแก่เจ้าทรัพย์และปล่อยตัวจำเลยไป

นายแสวงจำเลยดีอกดีใจเป็นล้นพ้น ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับบนบัลลังก์พิจารณาคดีของตน ซ้ำยังได้รับพระกรุณารอการลงอาญาไว้ ถึงกับยกมือท่วมหัวสัญญาว่า ต่อไปนี้จะประพฤติตนเป็นคนดีไม่ลักขโมยของใครอีกตลอดชีวิต

เสร็จจากคดีลักโม่ของศาลอาญาแล้ว ได้เสด็จศาลแพ่ง ทรงฟังการชี้สองสถาน คดีระหว่าง น.อ.พิสิษฐ์ สุขพงษ์, น.ท. รุ่น มาศยากุล โจทก์ ม.ล.ประวาศ ชุมสาย ในฐานะบิดาและตัวแทนของนายสุวัธน์ ชุมสาย จำเลยที่ ๑ นางสุธา ชุมสาย จำเลยที่ ๒ กรณีเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน ๑๓,๕๐๐ บาท เนื่องจากฝ่ายจำเลยขับรถชนรถของโจทก์คว่ำที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ฝ่ายจำเลยปฏิเสธว่าเป็นความผิดของฝ่ายโจทก์เอง ที่ได้คนขับหย่อนสมรรถภาพ หลังจากทั้งฝ่ายโจทก์จำเลยต่อรองในเรื่องค่าเสียหาย ซึ่งศาลเป็นผู้ไกล่เกลี่ยขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับบนบัลลังก์ พร้อมด้วยอธิบดีศาลแพ่ง หลวงจักรปราณีศรีศิลวิสุทธิ กับ หลวงพิชัยฯ ผู้พิพากษา ฝ่ายโจทก์ได้แถลงว่ามีความปีติที่ได้มีโอกาสเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวันนี้ ดังนั้นการตัดสินใจคดีนี้จึงขอให้อยู่ในดุลยพินิจของศาล ศาลจึงพิพากษาให้จำเลยใช้เงินเฉพาะค่ารักษาพยาบาลแก่โจทก์คนละหนึ่งพันบาท รวมเป็นสองพันบาท โดยมอบให้แก่โรงพยาบาลทหารเรือภายในวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์

 

อ่านต่อที่ http://www.manager.co.th/OnlineSection/ViewNews.aspx?NewsID=9590000095596

 

 

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...