6 อันดับแฟชั่นมรณะในอดีต ที่เคยสร้างความสยดยสองมานักต่อนัก

อันดับ 6. ปกเสื้อสังเวย (The Stiff High Collar)

เป็นเวรเป็นกรรมของผู้ชายในศตวรรษที่ 19 จริงๆ ที่ต้องใส่เจ้าปกเสื้อคอสูงนี้เพียงเพื่อให้ดูเท่ มีอำนาจ ทั้งๆ ที่ทรมานแทบดิ้นตาย ปกเสื้อแบบนี้ ไม่ได้เย็บติดกับตัวเสื้อ หนุ่มๆ เค้าจะสวมเสื้อเชิ้ตลงไปก่อน วางปกเสื้อ ไฮคอลล่าทับลงไปอีกที แล้วมัดให้แน่นเปรี๊ยะ แค่นี้ก็เท่เกินร้อย แต่พร้อมกันนั้น ก็ต้องทนอึดอัดหายใจไ่ม่สะดวก เพราะถูกปกแข็งๆ รัดคอ ซ้ำยังทำให้กินข้าว กินน้ำไม่ถนัด พานผอมเพรียวเรียวสลิมเหมือนไม่มีข้าวกินทั้งเมือง แต่ที่ร้ายกว่านั้น ก็คือ การใส่ปกไฮคอลล่านานๆ ทำให้คนใส่ได้รับออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ จนเป็นฝีในสมองไปก็มี

 

อันดับ 5. หน้าขาวด้วยยาพิษ (Lead Makeup)

ในศตวรรษที่ 14-19 ชาวตะวันตกมีค่านิยมว่า ต้องรักษาผิงวให้ขาวผ่อง เหมือนไม่เคยถูกแดด ถูกลมเลย ถึงจะดูเป็นผู้ดี ต้นแบบหน้าขาวได้แก่ สมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษ ซึ่งพอกพระพักตร์ขาววอกเป็นประจำ ชนชั้นสูงคนอื่นก็เลยตามอย่างบ้าง หารู้ไม่ว่าเครื่องสำอางยุคนั้นมีตะกั่วเ็ป็นส่วนผสมในปริมาณสูง พอทาทุกวัน สารตะกั่วก็ซึมเข้าไปทำลายระบบประสาท ทำให้ป่วยตายในที่สุด เหยื่อของความอยากขาว ที่ถูกจารึกไว้ในประว้ัติศาสตร์มีสองคน และเป็นสาวไฮโซชั้นสูงกันทั้งคู่ ได้แก่ มาดามแมรี่ กันนิ่ง และ มาดามเรเชล

 

อันดับ 4. ทรงผมฟองตางเก (The Fontange)

ฟองตาเก เป็นแฟชั่นการเกล้าผมอย่างหนึ่ง มวยผมจะถูกขดวนเป็นเจดีย์ขึ้นไปประมาณ 3-4 ชั้น แล้วตกแต่งด้วยสารพัดของแพง เช่น โบว์ ลูกไม้ พัดจีบ กิ๊บ เครื่องเพชร ฯลฯ แล้วแต่ความรวยของเจ้าของผม

ผู้ดีฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 17-18 ทุกคนต้องทำผมทรงนี้ โดยแอบแข่งกันอยู่ในทีว่า ใครมวยได้สูงกว่า แต่ลืมชั่งน้ำหนักสารพัดข้าวของที่ประดับอยู่บนหัวว่า มันหนักกี่กิโล ผลก็คือ หลายคนกระดูกคอและกระดูกสันหลังคด หวุดหวิดจะเป็นอัมพาตเอา ที่สำคัญสมัยนั้น ไม่มีไฟฟ้า ต้องพึ่งแสงสว่างจากเทียนอย่างเดียว ถ้าผมใครบังเอิญติดไฟ กว่าจะรู้ตัว ไฟก็ลามมาถึงหน้าแล้ว ดังเช่นนางสนมคนหนึ่งของกษัตริย์อังกฤษก็ถูกไฟคลอกตายเพราะไฟไหม้ผมนี่แหล่ะ

 

อันดับ 3. ประเพณีการรัดเท้า (Footbinding)

การมัดเท้าของสาวจีนสมัยโบราณ สมัยนั้น ลูกผู้ดีทุกบ้านถูกจับมัดเท้าให้เป็น "ดอกบัวทองคำ" โดยเป็นค่านิยมว่า เท้ายิ่งเล็กยิ่งเป็นผู้ดี จะหาสามีง่าย แต่กรรมวิธีนั้นโหดร้ายมาก นอกจากจะเจ็บปวดทรมานสุดขีดแล้ว หลังจากรูปเท้ากลายเป็นดอกบัวทองคำ เด็กผู้หญิงคนนั้นจะกลายเป็นกึ่งๆ คนพิการ เ้ดินเหินไม่ถนัด จะไปไหนที ต้องมีคนคอยประคอง ซ้ำร่างกายยังอ่อนแอ อายุสั้นกว่าที่ควร

 

อันดับ 2. เดอะคอร์เซ็ท (The Corset)

ความสวยของผู้หญิงในปี ค.ศ. 1830-1839 อยู่ที่เอว เอวยิ่งเล็กก็ยิ่งทันสมัย เสื้อคอร์เซ็ทสมัยนั้นจึงออกแบบให้ซ่อนแผ่นเหล็กไว้ข้างใน เพื่อรัดเอวคนใส่ให้คอดกิ่วที่สุด เท่าที่จะทำได้ เล่นเอากระดูกของสาวน้อยสาวใหญ่ผิดรูป ปวดซี่โครง ตับไตไส้พุงเคลื่อน และเลือดสูบฉีดไปเลี้ยงร่างกายไม่สะดวก เคยมีกรณีสยองในปี 1903 แผ่นเหล็กคอร์เซ็ทตัวหนึ่ง ไปกระแทกถูกหัีวใจคนใส่ ทำให้สาวเคราะห์ร้ายเสียชีวิตทันที

 

อันดับ 1. กระโปรงสุ่มไก่มรณะ (Crinoline)

คริโนไลน์ เป็นกระโปรงสุ่มแบบที่กว้างมากๆๆ มากกว่าที่เราเห็นในละครอีกเกือบเท่าตัว ตัวสุ่มทำจากขนม้า เส้นป่าน และเหล็ก จัดเป็นแฟชั่นยอดนิยมของชนชั้นสูงในศตวรรษที่ 19 ความบานของมันทำให้เหมือนสวมร่มไว้ที่เอว เวลาลมพัดมาคนใส่ก็จะพลอยถูกพัดลอยไปด้วย สาวไฮโซหลายคนถูกลมพัดตกตึกตาย บางคนตายเพราะกระโปรงไปติดไฟไม่รู้ตัว บางคนถูกโครงกระโปรงหนีบเอวจนกระดูกหัก แต่โศกนาฎกรรมที่ร้ายแรงที่สุดเกิดขึ้นที่ประเทศชิลี เมื่อเกิดไฟไหม้ในโบสถ์ แต่บังเอิญมีสา่วกระโปรงบานคนหนึ่งติดแหง็กอยู่ที่ประตู ขวางทางคนอื่นหนีออกไม่ได้ ทำให้มีคนตายถึง 200 กว่าคน

 

">

คลิปประกอบจากมื้อดึกสยองขวัญ

ขอบคุณที่มา: คุณ ก็คนมันขี้หึงง่ะ http://topicstock.pantip.com/woman/topicstock/2010/06/Q9367705/Q9367705.html

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...