ความบอยกับปืนคู่ใจ ( คาวบอยชักปืน )

 

เดิมผมตั้งใจว่าครั้งนี้จะเป็นตอนของ ด๊อค ฮอลลิเดย์ มือปืนชื่อดังแห่งตะวันตกรายแรกและรายเดียวที่มีอาชีพ
เดิม เป็นหมอฟัน แล้วถูกโชคชะตาฟ้าลิขิตต้องหันเหไปใช้ชีวิตเป็นนักพนันและเข้าสู่วงการมือ ปืนในที่สุด กระนั้น
ก็ยังฝากฝีไม้ลายมือไว้กระฉ่อนมาจนถึงทุกวันนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่า วายแอ็ท เอิ๊ร์ป หรือ แบ๊ท มาสเตอร์สัน  แต่
เผอิญ บก.พิชญ ของ กันส์ เวิลด์ มาบอกว่า หลังจากได้อ่านเรื่องคาวบอยชื่อดังมาสองราย และรู้ว่าดวลกับใครไป
กี่หนใช้ปืนอะไรกันบ้างแล้ว ก็มีท่านผู้อ่านบอกมาว่าอยากจะให้เขียนถึงวิธีการพกปืนและชักปืนในยุคนั้น บ้าง ว่า
ใครมีกลเม็ดเด็ดพรายอย่างไรถึงได้ชนะและเอาตัวรอดมาได้ หลังจากปรึกษากันอยู่พักหนึ่งก็สามารถตกลงกัน
(โดยไม่ต้องใช้ปืน) ว่าผมจะเขียนลงเป็นตอนหนึ่งของเรื่องคาวบอยกับปืนคู่ใจนี้เอง และหานายแบบมาแสดง
ภาพประกอบให้ (เรื่องแบบนี้ต้องมีการสาธิตด้วยเสียหน่อยนะครับถึงจะสนุก)

ท่านผู้อ่านหลายท่านคงจะนึกถึงหนังคาวบอยที่เคยดูกันมาแล้วหลายๆเรื่อง ตั้งแต่เด็กๆจนถึงสมัยนี้นะครับ ตอน
ที่ตื่นเต้นที่สุดก็เห็นจะไม่พ้น เวลาที่พระเอกยืนประจันหน้ากับผู้ร้ายตัวต่อตัว มีการจ้องหน้าจ้องตากันข่มขวัญกัน
เสียหน่อย  พอกระพริบตาปั๊บต่างฝ่ายต่างก็ชักปืนพลัวะออกมาจากซอง ยิงใส่กันคนละโป้งทันทีจากระดับเอวแบบ
ไม่ต้องเล็ง หลังจากนั้นผู้ร้ายก็จะต้องลงไปนอนตาย (หรือไม่ก็ต้องรอสั่งเสียลูกเมีย หรือพูดจาสารภาพฝากฝัง
พินัยกรรมอะไรอีกยืดยาวให้เรียบร้อย เสียก่อนถึงจะยอมตายได้) ส่วนพระเอกก็จะต้องยืดอกขึ้นอย่างผึ่งผาย ควง
ปืน โชว์อย่างน้อยสักขวับสองขวับเสียก่อน จากนั้นจึงยัดปืนกลับเข้าใส่ซองได้พอดีกับจังหวะขวับสุดท้ายอย่างสง่า
ผ่าเผย

หรือถ้าจะให้มันส์ยิ่ง กว่านี้อีก ก็ต้องเป็นว่าพระเอกคนเดียวยืนเผชิญหน้ากับเหล่าร้ายตั้งสี่ห้าคน พอชักปืนพระเอก
ก็จะโชว์ฝีมือการใช้มืออีกข้างนึง ตบนกปืนอย่างว่องไวชนิดมองตามไม่ทัน สาดกระสุนระดมยิงเข้าใส่ผู้ร้ายทีเดียว
สี่ ห้านัดอย่างรวดเร็วเหมือนจุดปะทัด ทุกนัดไม่มีพลาด จะต้องโดนเหล่าร้ายทั้งสี่ห้าคนนั้นหงายท้องตายหมด โดย
ผู้ร้ายยังไม่ทันได้ลั่นไกเสียด้วยซ้ำ

นี่ คือภาพที่ฮอลลีวู้ดพยายามปั้นขึ้นให้คนดูทั้งหลาย ไม่ว่าฝรั่งด้วยกันเองหรือใครๆก็ตาม เห็นเป็นตุเป็นตะตาม
ไปว่าของจริงก็คงต้องเป็นอย่างนั้น คาวบอยคนไหนมีชื่อขึ้นอยู่ในทำเนียบมือปืนชื่อดังแล้วละก็ จะต้องชักปืนยิง
ได้ แบบในหนังนี่แน่ๆเลย

น่าเสียดายนะครับว่าอินเทอร์เน็ตที่เราใช้หาข้อมูลดูโน่นฟังนี่กันได้แบบไร้ พรมแดนไม่ว่าภาพหรือเสียงทุกวันนี้
ยังไม่สามารถใช้เป็นอุโมงค์ มหัศจรรย์สำหรับค้นคว้าหาดูภาพเหตุการณ์จริงในสมัยก่อนได้ เราก็เลยยังไม่มีโอกาส
ได้รู้กันเสียทีว่า ในสมัยนั้นพวกคาวบอยเขาชักปืนยิงกันจริงๆแบบนี้หรือเปล่า ต้องปล่อยให้นักสร้างหนังทั้งหลาย
วาดภาพให้เราดูกันไปพลางๆก่อน หลักฐานภาพถ่ายต่างๆจากสมัยนั้นเท่าที่มีการเก็บรักษากันไว้ในหอสมุด
พิพิธภัณฑ์ หรือคอลเล็คชั่นส่วนตัวต่างๆ ส่วนมากก็จะมีแต่ภาพกำลังยืนเต๊ะท่าถ่ายรูปคู่กับปืน หรืออีกทีก็เป็นภาพ
ที่ถ่ายหลังจากถูกยิงตายกลายเป็นศพเรียบร้อยไปแล้ว ตอนที่กำลังดวลกันจริงๆไม่ยักมีใคร(กล้า)ชักรูปเก็บไว้โชว์
กันบ้างแฮะ

                                                             

แอ๊คชั่นคัทและโปสเตอร์จากหนังคาวบอย ฮอลลีวู้ดหลายๆเรื่อง เปรียบเทียบมาดเท่ห์ของพระเอกแต่ละคนเวลาดวลปืน

 

แต่จากหลักฐานภาพนี่แหละครับที่พอใช้สืบหา ความจริงได้บ้าง อย่างน้อยๆก็เห็นชัดว่าคาวบอยสมัยนั้นจริงๆแล้ว
คาด เข็มขัดปืนกันอย่างไร ซองปืนหน้าตาเป็นอย่างไร พกปืนกันลักษณะไหน หลังจากนั้นก็แกะรอยจากหลักฐาน
อื่นๆเอามาประกอบกัน สรุปความจริงออกมาได้ว่าพกปืนชักปืนยิงกันอย่างไร ทำให้เราได้เริ่มหูสว่างกันเสียทีว่า
หนังฮอลลีวู้ดนั้นโม้และเว่อร์สุดๆ ขนาดไหน (ตานั้นสว่างมานานแล้วเนื่องจากถูกเบิกเนตรมาตลอด)

แบ๊ท ม้าสเตอร์สัน เคยเขียนไว้ในนิตยสาร ฮิวแมน ไล้ฟ์ ว่า องค์ประกอบของการเป็นมือปืนที่เหนือชั้นกว่าธรรมดา
นั้น มีอยู่สามอย่าง อย่างแรกได้แก่ความไว อย่างที่สองได้แก่ความแม่นยำ ระหว่างสองอย่างแรกนี้ แบ๊ทกล่าวว่า
ความแม่นยำสำคัญกว่าความไว เพราะการชักปืนยิงก่อนแต่ยิงไม่ถูกนั้นไม่มีประโยชน์ รังแต่จะถูกคนที่ยิงทีหลัง
แต่แม่นกว่านั้นยิงตายแทน หรือหากไม่ถึงตายก็คงเจ็บตัวจนไม่มีโอกาสได้ยิงนัดที่ 2 ให้ดีกว่านัดแรก (ซึ่งก็ยิง
พลาดไปแล้วทั้งๆที่ตอนนั้นยังครบถ้วนสามสิบสองดีอยู่)

เหตุผลของ แบ๊ทตามที่กล่าวมานั้น เชื่อไม่เชื่ออย่างไรมีหลักฐานประกอบมาให้ลองพิจารณาดูเป็นกรณีศึกษาด้วย
ครับ นั่นคือเมื่อครั้งที่ ลุค ช้อร์ท เพื่อนของแบ๊ท (คงพอจำชื่อนี้ได้จากตอนที่แล้วนะครับ) ภายหลังได้ย้ายออกจาก
เมือง ด๊อดจ์ ซิตี้ ไปเปิดซาลูนใหม่อยู่ที่เมือง ฟอร์ท เวิร์ธ ในรัฐเท็กซัส แล้วเกิดมีปัญหาเข้ากับ จิม คอร์ทไร้ท์ ซึ่งเป็น
มือปืนชื่อดังอีกคนหนึ่ง ถึงขั้นเผชิญหน้าและในที่สุดก็ยิงกัน ตามบันทึกเหตุการณ์เล่าว่า คอร์ทไร้ท์เป็นฝ่ายเริ่มชัก
ปืน ส่วนช้อร์ทถึงจะชักปืนทีหลังแต่กลับไวกว่า เหนี่ยวไกยิงเข้าใส่คอร์ทไร้ท์ก่อน ปรากฏว่าหลุดออกซ้ายไปนิดนึง
ลูกปืน ไม่ยักวิ่งเข้าเป้าคือหน้าอกของคอร์ทไร้ท์อย่างที่ตั้งใจ

ท่านผู้อ่านคงนึกว่างานนี้ช้อร์ทได้ตายแบบยังไม่ได้ถอดรองเท้าบู๊ทแน่ แต่เปล่าหรอกครับ จะเป็นเพราะชะตายัง
ไม่ถึงฆาต พระดี หรือฟลุคก็สุดแล้วแต่   ลูกปืนที่ช้อร์ทปล่อยออกไปพลาดเป้านั้น ดันวิ่งไปถูกเอาหัวแม่มือขวาของ
คอร์ทไร้ท์เข้าพอดี ขณะที่เจ้าตัวชักปืนขึ้นพ้นจากซองแล้วกำลังจะง้างนกขึ้นไก พอหัวแม่มือบาดเจ็บง้างนกไม่ได้
คอร์ทไร้ท์ผู้เป็นมือปืนที่มี ประสบการณ์สูงก็รีบแก้สถานการณ์ทันที ด้วยการโยกปืนมาจะยิงด้วยมือซ้ายแทน แต่ไม่
ทันการเสียแล้วเพราะชอร์ทสามารถใช้ เวลาระหว่างนี้ เล็งยิงนัดที่สอง สาม และ สี่ ติดต่อกัน ทะลุเข้ากลางหน้าอก
คอร์ท ไร้ท์ครบถ้วนทุกนัด

องค์ประกอบที่สาม ซึ่งแบ๊ทบอกว่ามีความสำคัญที่สุดเหนือกว่าทั้งสองอย่างแรก ก็คือ ความใจเย็นครับ คนที่ใจเย็น
พอที่จะควบคุมบังคับให้ตัวเองใช้ความสามารถ สองอย่างแรกได้โดยไม่ผิดพลาด ภายใต้สถานการณ์ที่กดดันอย่าง
รุนแรงถึงที่สุด (อย่างเช่นมีคนกำลังไล่ยิงท่านอยู่) เท่านั้นถึงจะเอาตัวรอด โดยรวมแล้วแบ๊ทสรุปเอาไว้ว่าต้อง "ใช้
เวลาเล็งให้มันถูกที่ไว้ก่อนค่อยยิง แล้วก็เย็นไว้อย่าตื่นเต้น" (Take your time. Place your shots. Keep calm
and don't lose your nerve.) ฟังดูไม่ยากสักเท่าไรเลยนะครับ

เกี่ยวกับเรื่องนี้มีคนไปสัมภาษณ์ วายแอ็ท เอิ๊ร์ป มือปืนผู้คงกระพัน เคยผ่านการดวลอย่างโชกโชนมาแล้วเหมือนกัน
ว่า มีเคล็ดลับอย่างไร วายแอ็ทซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าเป็นคนที่มีบุคคลิกเงียบขรึม ไม่ค่อยพูดไม่ค่อย
จา ก็ตอบเพียงสั้นๆ (แต่ออกจะกวนๆสักนิด) ว่าจง "ใช้เวลาของท่าน - แล้วก็รีบๆหน่อย" (Take your time - in a
hurry.) พอคนฟังทำท่างงๆ ก็ขยายความเพิ่มอีกนิดให้เข้าใจ (หรือไม่ก็มึนหนักขึ้นไปอีก) ว่า หมายถึง "ตั้งจิตให้แน่ว
แน่ แต่กล้ามเนื้อต้องไวกว่าความคิด" (Mentally deliberate, but muscularly faster than thought.) จากนั้นก็เลย
ไม่ มีใครอยากจะถามอะไรต่ออีก

ทั้งหมดที่กล่าวมาทำให้คิดได้ว่า การชักปืนอย่างรวดเร็ว รีบง้างนก (อย่าลืมนะครับว่าไม่ใช่ปืนลูกโม่ดับเบิ้ลแอ๊คชั่น
ที่ไม่ต้องง้างนกก่อนก็ยิงได้) แล้วเหนี่ยวไกยิงจากระดับเอวออกไปเลยแบบ ฮิป ชู้ทติ้ง (Hip Shooting) โดยไม่ต้อง
ยกขึ้นส่องหรือเล็งให้ดีเสียก่อนนั้น คงหวังผลอะไรไม่ได้มากนัก หากคาวบอยคนไหนกะจะใช้วิธีนี้ในการดวลกับฝ่าย
ตรงข้ามอย่างจริงๆจังๆละก็ ถ้าไม่ใช่ที่ระยะประชิดมากๆขนาดขว้างก้อนอิฐใส่กันหลบไม่พ้นแล้ว คงไม่มีรายไหนที่
โชคดีเหมือนกับ ลุค ช้อร์ท อีกแน่

ส่วนการยิงเร็วด้วยวิธีตบนกยิง หรือที่เรียกกันว่า แฟนนิ่ง (Fanning - คงจะเป็นเพราะดูเหมือนการใช้มือทำท่าพัด)
ทำได้จริงด้วยการเหนี่ยวไกปืนค้างไว้ก่อน จากนั้นก็ใช้สันมือด้านในของมืออีกข้างหนึ่งที่ไม่ได้ถือปืน ตบนกปืนลง
ให้สุดเพื่อง้างนก แล้วปล่อยแล้วตบไปอีกเรื่อยๆอย่าปล่อยไกปืน กลไกของปืนซิงเกิ้ลแอ๊คชั่นก็จะปล่อยให้ลูกโม่หมุน
ส่งกระสุนนัดใหม่ขึ้น มาให้นกสับยิงไปเรื่อยๆได้จนหมด

นอกจากการตบนกยิงแล้ว ยังมีวิธีการยิงเร็วอีกแบบหนึ่งที่ใช้หลักการเดียวกัน แต่เปลี่ยนจากการใช้สันมือด้านใน
เป็นการใช้นิ้วหัวแม่มือตวัดตบนกแทน วิธีนี้เรียกว่า สลิ้ป ชู้ทติ้ง  (Slip Shooting) หรือบางทีก็เรียกว่า ธัมบ์ วิปปิ้ง
(Thumb Whipping) ซึ่งให้ความเร็วในการยิงได้ไม่แพ้วิธีแฟนนิ่ง

การยิงเร็วทั้ง 2 วิธีดังกล่าว ในเชิงปฏิบัติก็มีข้อจำกัดอยู่มาก น่าจะทำได้คล่องและเร็วจริงกับปืนที่มีแรงรีคอยล์ไม่
มากนักเท่านั้น หากเป็นกระสุนขนาด .45 ลองโคลท์ หรือ .44-40 ที่นิยมใช้กันมากในสมัยนั้น เราคงนึกภาพออกนะ
ครับ ว่าแรงรีคอยล์จะทำให้ปืนกระดกขึ้นสูง ถ้าไม่ขืนไว้(แบบไม่กลัวเจ็บมือ) หรือรอให้ปืนลดลงมาที่ระดับเดิมก่อน
(อันจะทำให้ช้าเสียเวลาไป) ก็ต้องคอยเอามือไล่ตามปืนไปตบนกยิงนัดต่อๆไป ซึ่งก็คงไม่สะดวก ภาพรวมที่ออกมา
ก็คงดูตลกดี ไม่น่าจะจ๊าบหรือเท่ห์อย่างที่ตั้งใจจะโชว์นัก นี่ยังไม่นับอีกว่าแล้วนัดหลังๆจะยังยิงถูกซ้ำที่เดิมหรือเปล่า

วายแอ็ท เอิ๊ร์ป เคยพูดถึงการยิงเร็วทั้งสองวิธีนี้ไว้ว่า ตลอดชีวิตของตนไม่เคยเห็นมือปืนรายไหนใช้วิธีการตบนกยิง
ในการต่อสู้เลย ซึ่งก็เข้าตามตำราว่า ถึงแม้จะยิงได้เร็วสักแค่ไหน แต่ถ้าไม่แม่นเลยละก็ ย่อมเสียเวลาและเปลือง
ลูก กระสุนไปเปล่าๆ ดังนั้นที่เราเห็นกันในหนังว่าพระเอกชักปืนออกมาตบนกยิงผู้ร้ายทีเดียวสี่ ห้าคนตายหมดนั้น
ถ้าเป็นของจริงก็จะต้องกลับกลายเป็น ว่า พระเอกตบยิงจนหมดโม่ทั้ง 5 นัดแล้วไม่ถูกใครเลยซักคน จากนั้นถ้า
พระเอก ไม่สวมวิญญาน บวกด้วยใส่เท้าสุนัขโกยหนีเอาตัวรอดไปให้ได้เสียก่อนละก็ มีหวังโดนผู้ร้ายรุมยิงใส่เป็นที่
สนุกสนานจนเละเทะจำหน้าจำตาไม่ได้อยู่ ตรงนั้นเป็นแน่

คงจะสังเกตได้นะครับว่าผมเขียนว่าหมดโม่ทั้ง 5 นัดไม่ใช่ 6 นัด เนื่องจากหลักฐานบอกว่า ถึงลูกโม่จะบรรจุได้ 6 นัด
แต่คาวบอยส่วนใหญ่จะนิยมบรรจุแค่ 5 นัดเท่านั้นในการพกไปไหนมาไหน ทิ้งช่องลูกโม่ที่ยังว่างไว้ให้ตรงกับนกปืน
เผื่อ เกิดมีอะไรกระแทกกระทั้นมาโดนนกปืนแรงๆจนตอกเข็มแทงชนวนให้ปืนลั่นออกมาเอง โดยไม่ได้ตั้งใจ อุบัติเหตุ
นี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับ เคลย์ แอลลิสัน (คงพอจำชื่อได้นะครับสำหรับท่านที่เคยอ่านเรื่อง วายแอ็ท เอ๊ร์ป มือปืนผู้
คงกระพันมาแล้ว) โดนปืนลั่นใส่เท้าตัวเองเป็นข่าวดังบอกต่อกันไปทั่วในยุคนั้น ดังนั้นเรื่องเซ้ฟตี้ของปืนลูกโม่จึงมี
มานานแต่เก่าก่อนแล้วไม่ใช่ เรื่องใหม่

หันกลับมาเรื่องวิธีพกปืนกันอีกทีนะครับ ในหนังคาวบอยฮอลลีวู้ดนั้นเราจะสังเกตเห็นได้ว่า  เข็มขัดกระสุนกับซอง
ปืนจะเป็นชิ้นเดียวต่อเนื่องถึงกัน หรือมิฉนั้นซองปืนก็จะถูกแขวนไว้กับขอบด้านล่างของเข็มขัดกระสุนที่ถูกเจาะ
เป็นแนวไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ นอกจากนี้ซองปืนจะไม่ได้หุ้มห่อตัวปืนอย่างมิดชิดนัก มักปล่อยให้ทั้งด้ามและโกร่ง
ไกปืนลอยพ้นอยู่นอกซองปืน หรือไม่ก็บากซองให้เว้าลงจนมองเห็นโกร่งไกได้ถนัด ระดับของซองปืนเมื่อคาดเข็มขัด
แล้วจะไม่อยู่ที่เอวหรือส่วนบนของ ตะโพก แต่จะห้อยต่ำลงมาจนถึงกลางต้นขา แถมตรงปลายซองจะมีสายหนัง
แทน เชือกเส้นเล็กๆผูกปลายซองปืนไว้กับต้นขาอีกด้วย เมื่ออยู่ในท่าพร้อมดวล มือและด้ามปืนจะอยู่สูงจากพื้นใน
ระดับใกล้เคียงกันมาก

         

เข็มขัดปืนบั๊สคาเดโร่ สไตล์ฮอลลีวู้ด ที่เห็นนี้เป็นรุ่นที่ออกแบบพิเศษไม่เพียงแต่ใช้ในการแสดงหนังเท่านั้น
แต่ยังใช้ในการแข่งขันชักปืนเร็ว อันเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันยิงปืนซิงเกิ้ล ที่ปัจจุบันมีจัดกันอย่างแพร่หลาย
 โดยชมรมหรือสมาคมคาวบอยย้อนยุคต่างๆ ที่มีอยู่มากมายในอเมริกาด้วย ซองปืนทำขึ้นจากโครงเหล็กหุ้ม
ด้วยหนัง และเป็นชิ้นเดียวกันกับแผ่นเหล็กที่ทาบลงไปบนเข็มขัดและยึดติดไว้ด้วยหมุด 2 ตัวที่เห็น ส่วนล่าง
ของซองมีสายเชือกหนังสำหรับผูกยึดปลายซองไว้กับ ต้นขา เมื่อใส่ปืนลงในซองแล้วจะสังเกตเห็นได้นะครับ
ว่าไม่ได้มิดชิดมั่นคงแต่อย่างใด ดูเหมือนจะหลุดมิหลุดแหล่เสียด้วยซ้ำ

เมื่อพิจารณาดูให้ดีแล้วจะเห็นได้ว่า ซองปืนของฮอลลีวู้ดถูกออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวก ให้คาวบอยสามารถ
ชัก ปืนได้อย่างง่ายดายและไวที่สุดสำหรับการแสดงหนัง ตัวซองอยู่ต่ำลงไปใกล้กับมือทำให้ลดระยะในการเอื้อม ด้าม
ปืนและโกร่งไกอยู่นอกซองปืน ทำให้คว้าหมับกระชับมือได้ในทีเดียว และยัดนิ้วชี้เข้าโกร่งไกได้เลย สายหนังช่วยมัด
ซองปืนไว้ให้ยึดแน่นอยู่กับต้นขา ไม่ถูกปืนลากตามขึ้นมาให้ติดขัดเวลาชักเร็วๆ

ในยุคต่อมาฮอลลีวู้ดยังได้ทำการเสริมโครงเหล็กไว้ภายในซองปืนอีกด้วย เพื่อให้ซองปืนแข็งแรงคงรูปร่างอย่างถาวร 
แถมปรับความกว้างของซองให้อ้วนขึ้นไม่บีบลูกโม่ปืน สามารถง้างนกตั้งแต่ปืนยังไม่พ้นออกจากซองได้โดยไม่ต้อง
กลัวว่าลูกโม่จะ ไม่หมุน และช่วยให้พระเอกสามารถกระตุกปืนออกจากซองได้อย่างลื่นไหล รับประกันว่าไม่กลายเป็น
เสือปืนฝืดให้ต้องขายหน้าคนดูเป็นอันขาด (และจะได้ไม่ต้องเท้คกันใหม่หลายหนให้เปลืองฟิล์มด้วย) ดูๆไปแล้ว
เหมือน เอากระป๋องนมมาหุ้มหนังไว้ใส่ปืนเสียมากกว่าจะเป็นซองปืนจริงๆ

เข็มขัดกระสุนและซองปืนแบบเป็นชิ้นเดียวกันของฮอลลีวู้ดนี้ เพิ่งมีการนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายเมื่อซักประมาณปี
1920 นี่เองครับ แต่ก็ไม่ใช่ของที่คิดขึ้นเองใหม่ทั้งหมด เพราะพบหลักฐานบอกว่า ก่อนหน้านั้นเคยมีใช้ในหมู่คาวบอย
จริงๆ(ที่ไม่ใช่ในหนัง)มาแล้วบ้างเหมือนกัน เรียกกันว่าเข็มขัดปืนบั๊สคาเดโร่ (Buscadero Gun Belt) สิ่งที่แตกต่าง
กัน ก็คือ ของเดิมส่วนที่เป็นซองปืนจะเป็นเพียงซองหนังธรรมดาๆ เน้นเฉพาะการแกะลวดลายเพื่อความสวยงามเท่า
นั้น ไม่ได้มีการโมดิฟายอะไรกันอย่างที่ฮอลลีวู้ดเอาไปทำ

     

ตัวอย่างเข็มขัดปืนบั๊สคาเด โร่ของจริง จากหลักฐานภาพถ่ายในอดีต
 ตามภาพนี้นายอำเภอ เปอรี่ โอเว่นส์ แห่งมณฑลอปาชี่ในรัฐอริโซน่า
คาดเข็มขัดกระสุนที่ออกแบบให้กว้างเป็น พิเศษเพื่อให้พกกระสุนได้
ทีเดียว 2 แถวทั้งปืนยาวและปืนสั้น แถวบนเป็นกระสุนขนาด .45-70
สำหรับปืนสปริง ฟีลด์ไรเฟิล ส่วน แถวล่างเป็นกระสุนขนาด .45 ลอง
โค้ลท์ สำหรับปืน โค้ลท์ ซิงเกิ้ล แอ๊คชั่น อาร์มี่  ซองปืนไม่ได้ร้อยทับ
ลงไปบนเข็มขัดกระสุน แต่ห้อยไว้กับส่วนล่างของตัวเข็มขัด ด้วยการ
เจาะแถบล่างของเข็มขัดออก ตามแนวยาวเป็นช่องให้สามารถแขวน
ซองปืนได้

 

ที่มาของเข็มขัดปืนบั๊สคาเดโร่ เข้าใจว่าเป็นความพยายามของพวกคาวบอยที่จะเพิ่มพื้นที่สำหรับพกกระสุนปืนไว้
บน เข็มขัดให้ได้มากที่สุด โดยไม่ถูกซองปืนแบบที่ต้องนำมาร้อยทับลงไปบนเข็มขัดกระสุน อันใช้กันมาแต่ไหน
แต่ไรนั้นเบียดบังพื้นที่ไป หลังจากที่ขยายขนาดเข็มขัดให้กว้างขึ้นจนสามารถพกกระสุนทั้งปืนสั้นปืนยาว แยกกัน
ได้เป็น 2 แถวบนเข็มขัดเส้นเดียวกันแล้ว กลับกลายเป็นว่าทำให้หาซองปืนมาตรฐานแบบเดิมๆมาร้อยทับลงไป
ได้ยาก ก็เลยหาทางออกที่ลงตัวที่สุดด้วยการกรีดเข็มขัดส่วนล่างเอาไว้ห้อยซองปืน เสียเลย กระสุนก็ยังพกได้ครบ
ถ้วนเต็มอัตราเหมือนเดิม

     

 เข็มขัดปืนบั๊สคาเดโร่ เม้ด อิน ไทยแลนด์ (แถวๆสระบุรี)
หน้าตาใช้ได้ทีเดียวนะครับ

 

แต่ถ้าดูจากภาพถ่ายต่างๆที่มีการบันทึกไว้ ในสมัยก่อนแล้ว จะพบว่าคาวบอยส่วนใหญ่ไม่ค่อยใช้เข็มขัดปืนบั๊สคา
เดโร่ กันนัก ส่วนใหญ่นิยมหาซองปืนตามรูปแบบที่ตัวเองชอบมาจากที่อื่น แล้วเอาไปร้อยทับเข็มขัดกระสุนกันอีกที
เสียมากกว่า และคาดเอาไว้สูงในระดับเอวหรือส่วนบนของสะโพกทั้งนั้น อีกทั้งไม่มีการผูกปลายซองยึดไว้กับต้นขา
 เหตุผลน่าจะเป็นเพราะว่า ในการพกปืนไปไหนมาไหนตลอดเวลานั้น ซองปืนควรจะต้องทิ้งตัวลงล่างและอยู่กับที่
เสมอ ห้ามโยกหรือแกว่งไปมาตามจังหวะการเคลื่อนไหวของขา ไม่ว่าจะนั่ง ยืน เดิน วิ่ง  ปีนขึ้นลงม้า ขี่ม้า ตีกัน ฯลฯ
ตัวปืนจะได้อยู่ติดซองตลอดเวลา ไม่ไหลหรือเลื่อนหลุดออกมาเสียก่อน นอกจากนั้นซองปืนก็จะไม่โป๊ให้มองเห็น
ส่วน โน้นส่วนนี้ของปืนล่อสายตาคนอื่นมากอย่างของฮอลลีวู้ด แต่จะรัดกุมปกปิดค่อนข้างมิดชิด เพื่อให้ตัวปืนถูก
หุ้มห่ออย่างกระชับอยู่ในซอง ไม่หลวมหลุดกระเด็นไปไหน และที่สำคัญคือสามารถป้องกันชิ้นส่วนที่สำคัญของปืน
จากกรวด ทราย ฝุ่น น้ำท่า หรือเศษผงต่างๆที่อาจทำให้ปืนยิงไม่ออกได้

                                   

อีกหลายภาพจากอดีต แสดงให้เห็นรูปแบบของเข็มขัดกระสุนและซองปืนที่พวกคาวบอยนิยมใช้กันทั่วๆไป
จะ เห็นได้ว่าซองปืนเป็นแบบใช้ร้อยทับเข็มขัด และคาดไว้สูงที่ระดับเอว ไม่ได้ห้อยต่ำลงมาจนถึงต้นขาหรือ
ต้องมีสายรัดอย่างที่มักเห็นกันในหนัง

 

ซองปืนในยุคแรกเป็นซองปืนของทหารซึ่งมีฝา ปิดอย่างมิดชิด และเป็นซองสำหรับชักยิงด้วยมือซ้าย (มือขวาไม่ว่าง
เพราะ ต้องใช้ถือดาบครับ) แต่คาดไว้ที่เอวด้านขวา (เอวด้านซ้ายก็ไม่ว่างเพราะใช้แขวนฝักดาบไปแล้วอีกเหมือนกัน)
 เมื่อเป็นเช่นนี้ด้ามปืนพกจึงหันออกไปข้างหน้า  เวลาจะชักปืนก็ใช้มือซ้ายเอื้อมข้ามมาเปิดฝาซองก่อนแล้วคว้าด้าม
ปืนดึงออก วิธีชักข้ามพุงแบบนี้พวกคาวบอยนิยมเรียกกันว่า บอร์เด้อร์ ดรอว์ (Border Draw) หรือที่สมัยนี้นิยมใช้คำ
ว่า คร้อสส์ ดรอว์ (Cross Draw)

       

วิธีการพกปืน และซองปืนพกแบบมาตรฐานของกองทัพบกสหรัฐฯเมื่อปี 1881 เป็นซอง
"มือซ้าย" มีฝาปิด ใช้คาดที่เอวข้างขวาสำหรับชักยิงด้วยมือซ้ายในสไตล์ บอร์เด้อร์ ดรอว์

     

ภายหลังพวกคาวบอยก็ตัดส่วนที่เป็นฝาปิดของ ซองปืนออกเสียเพื่อให้สามารถชักปืนได้ง่ายขึ้น และบรรดาคาวบอย
ซึ่งส่วนใหญ่ถนัดขวาก็เปลี่ยนมาใช้ "ซองมือขวา" คาดและพกปืนไว้ที่เอวขวา หันด้ามปืนไปข้างหลังให้ชักด้วยมือขวา
ได้ เร็วๆอย่างที่เราเห็นกันทั่วๆไปแทน

 แต่ก็มีคาวบอยถนัดขวาอีกจำนวนไม่น้อยที่นิยมชมชอบการชักปืนแบบ บอร์เด้อร์ ดรอว์ ก็เลยเอาซองมือขวาไปคาด
ไว้ที่เอวซ้าย หันด้ามปืนออกมาข้างหน้าอีก พวกนี้มักเป็นพวกที่ใช้ชีวิตอยู่บนหลังม้าเป็นส่วนใหญ่ เราคงนึกภาพออก
นะครับว่าเวลาขี่ม้านั้น มือขวาที่กุมสายบังเหียนจะสูงอยู่ข้างหน้าเสมอระดับพุงอยู่แล้ว จึงเอื้อมไปคว้าปืนที่หันด้าม
ออกข้างหน้าจากเอวซ้ายได้ง่ายกว่าที่จะต้องเอื้อมถอยหลังยาวไปที่เอวขวา แล้วคว้าปืนที่หันด้ามไปข้างหลัง คาวบอย
พวกนี้พอลงจากหลังม้าแล้ว หากจะชักปืนก็ต้องเอื้อมไกลกว่าเวลาอยู่บนหลังม้าหน่อย ยกเว้นเสียว่าจะคอยยกมือ
ขวาไว้ที่หน้าพุงทำท่าเป็นม้าย่องเวลาเดินไปไหนมาไหน

หากเป็นพวก คาวบอยประเภทนักเลงปืนพันธุ์แท้ ก็จะชักปืนยิงอย่างคล่องแคล่วได้ทั้งสองมือ โดยไม

#คาวบอย
Messenger56
ผู้กำกับภาพ
สมาชิก VIPสมาชิก VIP
14 มิ.ย. 53 เวลา 15:03 4,002 20
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...