The ZODIAC Killer รหัสลับของโซดิแอค



เมื่อเมษายน 2004 SFPD (กรมตำรวจประจำซานฟรานซิสโก) ได้ประกาศปิดคดีนี้ลงโดยที่ยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้อย่างเป็นทางการ เป็นเวลากว่า 26 ปีทีเดียวหลังจากที่เบาะแสสุดท้ายของฆาตกรซึ่งเรียกตัวเองว่าโซดิแอคขาดหาย ไป จนปัจจุบันนี้ก็ยังมีรหัสลับมากมายที่เขาทิ้งไว้และยังไม่มีใครไขออก

20 ธันวาคม 1968 ถนนเลคเฮอร์แมน ชานเมืองฝั่งตะวันออกของวาเลโจเดวิด อาร์เธอร์ ฟาราเดย์(17)และเบทตี้ ลอว์ เจนเซ่น(16) ออกไปเดทครั้งแรกในช่วงเทศกาลคริสต์มาสก่อนจะถูกพบเป็นศพในค่ำวันนั้น เดวิดถูกยิงหลังหูซ้ายส่วนเบทตี้ถูกยิงหลายนัดกลางหลังขณะเธอกำลังจะหนี ทั้งสองตายสนิทในทันทีจากคำให้การภายหลังคาดว่าเมื่อเวลาประมาณ 21.30น. เดวิดเอารถเข้าจอดในที่จอดรถ คนร้ายก็ขับรถอีกคันมาจอดเทียบแล้วยิงปืนใส่กระจกหลังรถหนึ่งนัดและอีกหนึ่ง นัดใส่หลังคาเพื่อบังคับให้วัยรุ่นทั้งสองย้ายไปยังที่นั่งด้านหลัง ส่วนคนร้ายขึ้นนั่งยังที่นั่งคนขับแล้วพารถออกไปยังจุดซึ่งทั้งสองถูกพบเป็น ศพในภายหลัง
มีผู้ให้การว่าเห็นรถซึ่งคนร้ายขับ แต่ไม่มีใครเห็นตัวคนร้าย

 

 

 



 

5 กรกฎาคม 1969 ตำรวจของวาเลโจได้รับโทรศัพท์แจ้งจากคนร้ายว่าตนได้ทำการฆาตกรรมวัยรุ่นที่ จุดจอดรถของบลูร๊อคกอฟล์คอส และยังได้บอกอีกด้วยว่าตนเป็นผู้ฆ่าเดวิด ฟาราเดย์และเบทตี้ เจนเซ่นเมื่อปีก่อน
ตำรวจรุดไปยังที่เกิดเหตุซึ่งอยู่ ห่างไปเพียง 4 ไมล์จากสถานที่เกิดคดีแรกและพบศพของดาร์ลีน อลิซาเบธ เฟอร์ริน(22)และไมท์ เรนัลท์ มากิว(19)ซึ่งร่อแร่แต่รอดมาได้ ดาร์ลีนถูกยิง 5 นัดและไมท์ 4 นัด (ถูกยิงที่คอ หน้าและอก)อาวุธที่ใช้เป็นกระสุนขนาด 9 มิล
ไมท์ให้การว่าคนร้ายขับรถจ่อท้ายรถของพวกเขาและเปิดไฟสูงกระพริบใส่ บังคับให้พวกเขาจอดรถ และในขณะที่พวกไมท์กำลังนึกจะติดต่อตำรวจอยู่นั่นเอง คนร้ายก็จ่อยิงปืนใส่พวกเขาในรถอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย หลังจากจู่โจมเหยื่อแล้ว คนร้ายได้ไปโทรศัพท์ถึงตำรวจจากปั๊มแก๊สซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของเฟอร์ลินไป เพียงครึ่งไมล์

ต้นเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน จดหมาย(ใหญ่ไปค่ะ เลยขอเปิดลิงค์ไปอีกหน้า)จากคนร้ายถูกส่งไปยังหนังสือพิมพ์ 3 ฉบับกล่าวว่าเขาเป็นผู้ก่อคดีฆาตกรรม 3 รายและขู่ให้หนังสือพิมพ์ลงรหัสลับของเขาซึ่งแนบมาด้วยบนหน้าหนึ่ง ไม่เช่นนั้นเขาจะก่อคดีที่เ***้ยมโหดยิ่งขึ้น จดหมายเหล่านี้ไม่มีลายเซ็น หากลงท้ายด้วยสัญลักษณ์วงกลมที่ถูกเขียนกางเขนทับ (รูปข้างบน) และเครื่องหมายนี้เองได้กลายมาเป็นเหมือนลายเซ็นประจำตัวของคนร้ายต่อมา
รหัสถูกลงในหน้าหนึ่งดังคำ ขอและก็ไม่มีคดีเกิดขึ้นดังที่คนร้ายประกาศไว้

 



4 สิงหาคม จดหมายอีกฉบับถูกส่งมา คราวนี้ขึ้นต้นว่า "This is theZodiac speaking" เป็นอันว่าคนร้ายได้ตั้งฉายาให้ตัวเองเสร็จสรรพและเขาก็ถูกเรียกเช่นนั้นมา ตลอดจนทุกวันนี้ (หลังจากนั้น จดหมายเกือยทุกฉบับของโซดิแอคมักจะขึ้นต้นด้วยประโยคนี้)ตำรวจเรียกร้องให้ โซดิแอคส่งข้อมูลมาอีกเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าเขาเป็นคนฆ่าเดวิด เบทตี้และดาร์ลีนจริง

8 สิงหาคม รหัสถูกถอดความโดยโดนัลด์และเบทที่ย์ ฮาร์เด็น ครูชั้นไฮสคูลซึ่งอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าว ข้อความในรหัสขึ้นต้นว่า I LIKE KILLING PEOPLE BECAUSE IT IS SO MUCH FUN..... แต่ไม่พบชื่อจริงของคนร้ายนอกจากตัวอักษรแบบแรนดอม18 ตัวท้ายสุดและโซดิแอคกล่าวในจดหมายอีกฉบับว่ารหัสนี้มีชื่อของเขาอยู่ด้วย รวมทั้งประโยคซึ่งกล่าวว่า"I will not give you my name"

วันที่ 27 กันยายน ไบรอัน ฮาร์ทเนล(22)และเซเซเลีย เชปาร์ด(20)ถูกชายแปลกหน้าเข้าทำร้ายขณะกำลังปิคนิคอยู่ริมทะเลสาปเบอร์เรส ซ่า เซเซเลียถูกแทงด้วยมีด 10 แผลทั้งด้านหน้าและหลังไบรอันถูกแทง 6 ครั้งที่หลัง จากคำให้การในภายหลังสรุปได้ว่า ขณะที่พวกเขากำลังพักผ่อนอยู่นั่นเอง ชายคนหนึ่งใส่ชุดดำมีหมวกคลุมศรีษะซึ่งปิดหน้าจนมิดและมีสัญลักษณ์วงกลมซึ่ง มีกางเขนทับสีขาวอยู่บนอก ได้ถือปืนเข้ามาข่มขู่พวกเขาให้ส่งเงินและรถมาชายดังกล่าวบอกว่าตนเป็นนัก โทษแหกคุกและกำลังจะหนีไปยังแมกซิโกพวกไบรอันทำตามแต่โดยดี (พวกเขายังคิดว่านี่เป็นการปล้นธรรมดา) คนร้ายมัดทั้งสอง และแทนที่จะเอาเงินกับรถหนีไป กลับคว้ามีดออกมาแทงพวกเขาอย่างไม่เลี้ยง จากนั้นก็เขียนข้อความทิ้งไว้บนประตูรถของไบรอัน แน่นอนว่าต้องไม่ลืมลายเซ็นอันเป็นเครื่องหมายของตัวเองด้วย

 

เกือบสองทุ่มในวัน เดียวกัน โซดิแอคโทรศัพท์ไปแจ้งอาชญากรรมของตัวเองกับสถานีตำรวจนาปา ต้นสายถูกตรวจพบในเวลาไม่ช้า โซดิแอคโทรมาจากตู้โทรศัพท์ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีตำรวจไปเพียงไม่กี่บล๊อกและ ตู้ดังกล่าวอยู่ห่างออกไป 27 ไมล์จากจุดเกิดเหตุ ตำรวจรุดไปและนำเหยื่อทั้งสองซึ่งโคม่าส่งโรงพยาบาลทันที เซเซเลียเสียชีวิตในอีกสองวันให้หลัง ส่วนไบรอันรอดมาเล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นได้ และนี่ก็คือรูปคนร้ายจากคำให้การของเขา



11 ตุลาคม 1969 พอล สตีน คนขับแท็กซี่ถูกยิงศรีษะด้วยกระสุน 9 มิล (คนละแบบกับที่สังหารดาร์ลีนเมื่อ 3 เดือนก่อน) ขณะกำลังพาผู้โดยสาร (โซดิแอค) ไปส่งยังถนนเชอร์รี่ คนร้ายเอากระเป๋าเงิน กุญแจรถและเศษเสื้อเชิ้ตของผู้ตายไปด้วย มีวัยรุ่น 3 คนเห็นเขาและโทรแจ้งตำรวจ วันรุ่น 3 คนให้การว่าคนร้ายเช็ดรถเพื่อลบรอยนิ้วมือของเขา ทำความสะอาดชายเสื้อที่เปื้อนเลือด ก่อนจะเดินไปยังเพรซิโด้ซึ่งอยู่ไปทางเหนือหนึ่งบล๊อกราวกับไม่มีอะไรเกิด ขึ้น
ตำรวมมาถึงในเวลาไม่ช้าและออกติดตามติดตามคนร้ายซึ่งยังคงอยู่ใกล้ ที่เกิดเหตุตามคำให้การของวัยรุ่น 3 คนในทันที หากก็คลาดสายตาจากคนร้ายไปในที่สุด รูปของคนร้ายถูกวาดขึ้นอีกครั้งตามคำให้การของพยานทั้งสาม



14 ตุลาคม โซดิแอคส่งจดหมายมาบอกว่าเขาเป็นคนฆ่าสตีนและแนบชายเสื้อเปื้อนเลือดของสตี นมากับจดหมายด้วย ตำรวจจึงเพิ่งทราบว่าพวกเขาปล่อยใครให้หลุดมือไปเมื่อ 3 วันก่อน



22 มีนาคม 1970 แคธลีน จอห์นขับรถไปเยี่ยมแม่ของเธอที่เพทาลูม่า ระหว่างทางมีรถคันหนึ่งขับตามหลังพร้อมกับบีบแตรและกระพริบไฟใส่ ชายในรถดังกล่าวบอกว่าล้อรถของเธอกำลังจะหลุดและเสนอจะช่วยซ่อมให้ หากในความจริงเขาขันน็อตล้อออก (คนร้ายรู้ตรงนี้ว่าแคธลีนกำลังท้อง 7 เดือน) และทำให้ล้อหลุดเมื่อแคธลีนออกรถอีกครั้ง เขาเสนอจะขับพาเธอไปส่งที่ปั๊ม หากก็พาเธอขับวนเวียนอยู่กว่า 2-3 ชั่วโมงและขู่ว่าจะฆ่าเธอกับลูก ขณะที่คนร้ายชลอความเร็วลงเพื่อที่จะออกจากไฮเวย์นั่นเอง แคธลีนก็กระโจนลงจากรถเข้าไปหลบในพุ่มไม้ คนร้ายตามลงมาเพื่อหาเธอ หากก็มีรถบรรทุกที่วิ่งตามมาจอดถามเหตุการณ์ทำให้เขาหนีไป
ภายหลังแคธลี นให้การว่าชายดังกล่าวหน้าตาเหมือนกับรูปเหมือนของโซดิแอค รถของเธอถูกพบห่างออกไปจากจุดที่เธอจอดทิ้งไว้ 2 ไมล์ในสถาพถูกเผาจนไหม้เกรียม

โซดิแอคส่งจดหมายอีกหลายฉบับ (เคยมีการข่มขู่จะวางระเบิดรถโรงเรียนแต่ก็ไม่ได้ทำ) พร้อมกับรหัสจำนวนหนึ่ง มีกระทั่งรหัสที่เจาะจงว่าชื่อจริงของเขาคืออะไร มีการตรวจพบ DNA และลายนิ้วมือจากจดหมายเหล่านี้ และมีผู้ต้องสงสัยหลายคนถูกนำตัวมาสืบสวน (ที่ดังที่สุดได้แก่อาเธอร์ เลห์ อเลนซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้กับร้านอาหารที่ดาร์ลีนทำงานอยู่และน่าจะเห็นเธอ บ่อยๆ แต่ลายนิ้วมือของเขาก็ไม่ตรงกับที่ได้จากจดหมาย) มีการกล่าวกระทั่งว่าตำรวจรู้ตัวคนร้ายที่แน่นอนแล้วหากก็ไม่มีหลักฐานพอที่ มัดตัวโซดิแอคเอาไว้ได้ หลังจากจดหมายฉบับสุดท้ายเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 1971 โซดิแอคก็หายเงียบ ทิ้งให้คดีของเขาเป็นปริศนามาจนทุกวันนี้

(มี การยืนยันว่าโซดิแอคก่อคดีทำร้ายเหยื่อ 7 รายก็จริง หากเจ้าตัวกล่าวในจดหมายว่าเขาฆ่ามาแล้ว 37 ราย และหนังสือพิมพ์ควรจะลงเรื่องของเขาให้ใหญ่โตกว่านี้)



แถม
ระหว่าง ปี 1990 ถึงปี 1994 ที่นิวยอร์คซิตี้ เกิดคดีเลียนแบบโซดิแอคขึ้นซึ่งภายหลังถูกเรียกว่า New York Zodiac Copycat คน 3 คนถูกฆ่า อีก 5 บาดเจ็บและมีการเขียนจดหมายไปเยาะเย้ยตำรวจทำนองเดียวกับโซดิแอคในซานฟรานซิ สโก
ปี 1996 เฮริเบอร์โต้ เซด้าถูกจับในฐานะคนร้ายหลังจากที่เขายิงน้องสาวของตัวเอง
มิถุนายน 1998 เซด้าถูกตัดสินจำคุก 236 ปีซึ่งเขาจะไม่มีสิทธิ์ได้รับการหย่อนโทษไปจนถึงปี 2082 เลยทีเดียว




Credit : exteen.com

9 มิ.ย. 53 เวลา 16:29 3,565 9 104
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...