เรื่องเพศ เรื่องธรรมชาติที่ทุกๆคนควรรู้ เรามาดูกันดีกว่าว่าเมื่อเด็กผู้ชายจะกลายเป็นวัยรุ่น พวกเค้าจะมีการเจริญเติบโตอย่างไรบ้าง

เริ่มต้นที่ ทางร่างกาย

เด็กผู้ชาย จะเริ่มเปลี่ยนจากเด็ก เป็น ผู้ใหญ่ ในช่วงอายุ 12 - 14 ปี ซึ่งจะช้ากว่าผู้หญิงเล็กน้อย โดยจะมีสิ่งทีเปลี่ยนไปได้แก่

1. ส่วนสูง เด็กผู้ชายจะสูงเร็วมากในช่วงนี้ เรียกว่าเร็วปี๊ดเลยหล่ะ

2. ไขมันใต้ผิวหนัง จะน้อยลงซึ่งส่งผลให้ผอมลง เอาหล่ะจะมาสูงเพียวดูดีกันก็ตอนนี้

3. กล้ามเนื้อจะเจริญเติบโตมากกว่าผู้หญิง ทำให้ไหล่จะกว้างขึ้น เท่ขึ้นมาก

ต่อมา เราจะมาดูการเจริญเติบโตทางเพศบ้าง

เริ่มต้นเลย อัณฑะจะใหญ่ขึ้น บริเวณผิวหนังหุ้มอัณฑะจะหนาเป็นรอยย่น และสีคล้ำขึ้น ต่อด้วยมีขนขึ้นที่หัวเหน่า และ อวัยวะเพศจะเริ่มใหญ่และยาวขึ้น ในส่วนนี้ เชื้ออสุจิจะมีขึ้น ต้องรอให้อัณฑะเจริญเติบโตเต็มที่ ซึ่งกินระยะเวลาประมาณ 2-3 ปีแต่ระยะเวลาไม่แน่นอน

และยังมีส่วนอื่นๆอีกนะ เช่น เต้านมจะขยายใหญ่ขึ้นหรือที่เราเรียกว่า นมแตกพาน ซึ่งบางคนอาจจะเจ็บบริเวณหน้าอกอาจจะข้างเดียวหรือ 2 ข้างเลยก็ได้ หรือ อาจจะไม่เจ็บเลย ซึ่งก็แล้วแต่คนนะ ซึ่งจะเจ็บประมาณ 6 เดือน ถ้ามากกว่านั้น แนะนำให้ไปหาหมอ รวมถึง ขนตามส่วนต่างๆ เช่น ขนรักแร้ ขนหน้าอก หนวด เครา โดยปริมาณ ก็แล้วแต่คน เชื้อชาติ แต่คนไทยเราส่วนใหญ่จะมีไม่เยอะมากซึ่งจะเริ่มมีขนเหล่านี้หลังจากมีขนที่หัวเหน่าประมาณปีนึง

และส่วนสุดท้ายเลย ที่บ่งบอกถึงความเปลี่ยนแปลงคือ เสียงที่แตกหนุ่มนั่นเอง ซึ่งเกิดจากฮอโมนเพศชายที่อยู่ที่ลูกอัณฑะที่โตเต็มที่แล้ว มากระตุ้นเซลที่กล่องเสียง ทำให้มีการเติบโตและเปลี่ยนแปลง ไปนั่นเอง

มาถึงตรงนี้ น้องๆที่อ่านมาถึง โดยเฉพาะผู้ชาย อาจจะสงสัยว่า ทำไมตัวเองยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงหล่ะ น้องๆไม่ต้องเป็นกังวลไปนะ เพราะมันจะค่อยๆเปลี่ยน บางคนอายุ 18 พึ่งเปลี่ยนแปลงยังมีเลย อย่าพึ่งรีบเร่งเลย ดีซะอีก ช้ากว่าคนอื่น มีเวลากินนมเสริมแคลเซี่ยมมากกว่าคนอื่นๆ ที่พี่อยากเตือนตรงนี้คือ บางคนกลัวว่า ทำไมตัวเองยังไม่สูงหล่ะ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเพื่อนๆหล่ะ แล้วก็ หายาเร่งฮอโมนมากิน เตือนไว้เลยนะ เมื่อมีฮอโมนมันก็จะไปปิดการเจริญเติบโตของกระดูก เรียกง่ายๆว่า มันจะหยุดสูง !!!!!! เมื่อมีฮอโมน ทั้งชายและหญิงเป็นเหมือนกัน ฉะนั้น ไม่ต้องไปเร่งรีบ กลัวไม่โตเหมือนเพื่อนๆเค้า เตือนด้วยความหวังดีนะครับ

อย่าลืมนะครับ เรื่องเพศ ไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่เราควรรู้และเข้าใจมันอย่างถูกต้อง

ที่มา: https://blog.eduzones.com/rayeduzones/155437

อ้างอิงข้อมูลจาก http://www.doctor.or.th/article/detail/6973