10 ของใช้อาถรรพ์ผีดุผีเฮี้ยนตลอดกาล

ในบ้าน ในครอบครัวของแต่ละคนก็จะมีของเก่าแก่ มรดกตกทอดจาดรุ่นสู่รุ่นที่มีอายุยาวนานกว่าเจ้าของบ้านอย่างน้อยหลังละ 1 ชิ้น หรืออย่างน้อยก็ต้องมีของที่มีประวัติบ้าง ถ้าประวัติแย่ๆ ก็ขายทิ้ง แต่ไอ้คนที่ซื้อต่อเนี่ยสิไม่มีทางรู้ถึงเรื่องราวของข้างของเครื่องใช้ พวกนั้นมาก่อน ซึ่งบางทีมันอาจจะอยู่ใกล้ตัวคุณซะจนลืมสังเกต

10. ชุดแต่งงานที่ไม่มีวันได้ใช้..

 

เป็นเรื่องราวของสาว Anna Baker ลูกสาวมหาเศรษฐี ในยุค 1800 แน่นอนว่าในสมัยนั้นหน้าที่ของผู้หญิงที่ดีก็คือเป็นภรรยา พ่อของเธอก็เลยหาชายที่คู่ควรกับเธอมาให้ แต่เธอก็ปฏิเสธไปทุกคน เพราะจริงๆแล้วเธอกำลังรักกับคนงานในบ้านที่มีฐานะต่ำต้อย คนเป็นพ่อก็ทำได้เพียงแต่ห้าม เธอเลยประกาศกร้าวว่าถ้าเธอไม่ได้แต่งงานกับชายคนนี้เธอจะไม่มีวันแต่งงานอีก

และก็จริงที่เธอครองโสดจนวันสุดท้ายของชีวิต แต่เรื่องราวของเธอไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะเธอเคยได้เลือกชุดแต่งงานไว้ ที่ตอนนี้จัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ของ Blair County ในคฤหาสน์เดิม ที่เธอเคยอยู่ และบางครั้งก็มีคนเห็นชุดนั้นสั่น ขยับเขยื้อนเองได้ คนเลยคิดว่าเป็นวิญญาณของเธอที่มาสวมชุดแต่งงาน(ที่เธอไม่เคยได้ใส่)

9. ไม้เท้าผีสิง

 

ไม้เท้าอันนี้ถูกวางขายอยู่ในอีเบย์ในราคาถึง 65,000 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐเลยทีเดียว และสาเหตุที่มันแพงถึงขนาดนี้ก็เพราะมัน ไม่ใช้ไม้เท้าธรรมดา มันคือไม้เท้าผีสิงนั่นเอง โดย Mary Anderson หญิงที่อาศัยอยู่ในรัฐอินเดียน่า เป็นผู้นำออกขาย เพราะคิดว่าการขายไม้เท้าอันนี้ออกไปจะช่วยให้ลูกชายวัย 6 ปีของเธอหายกลัว

เนื่องจากเขาเชื่อว่าวิญญาณของปู่เขายังคงวนเวียนอยู่ในบ้าน..ทำเอาเด็กชายวันๆไม่เป็นอันทำอะไร นอกจากกลัวผี(ปู่) โดยปัจจุบันที่อยู่ใหม่ของไม้เท้าผีสิงนี้คือที่คาสิโน Golden Palace บนเกาะ Antigua นั่นเอง

8. กล่องไม้อาถรรพ์

 

กล่องไม้นี้เรียกได้ว่ามีคนเป็นเจ้าของไม่ต่ำกว่า 5 คน โดยคนแรกคือคุณยายคนนึงที่รักและหวงแหนเจ้ากล่องนี้มาก จนกระทั่ง เธอตายไปไม่นานหลานเธอก็นำของรักทั้งหมดของเธอออกขาย จนชายคนนึงมาเห็นเข้าจึงซื้อเก็บไว้ แต่ดันไปได้ยินเรื่องราว ของกล่องนี้ว่า ชาวยิวโบราณเชื่อว่ามันมีปีศาจร้ายสิงอยู่ ซึ่งหลังจากที่เค้ามีเจ้ากล่องนี้ได้ไม่นานร้านค้าของเค้าก็ระเบิดโดย ไม่ทราบสาเหตุ จึงได้ส่งกล่องนี้ไปยังแม่ และอยู่ดีๆ แม่เขาก็ป่วยเป็นอัมพาต กล่องจึงตกมาอยู่ที่เค้าอีกครั้ง พร้อมกับการฝันร้าย ถึงหญิงแก่หน้าตาอัปลักษณ์ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า พร้อมกับรอยแผลตามตัวเมื่อตื่น เค้าจึงตัดสินใจขายมันซะ

ซึ่งทุกคนที่เป็นเจ้าของก็เจอเรื่องประหลาดๆกันทั้งนั้น จนเจ้าของคนสุดท้าย Jason Haxton ที่ชินกับมันซะแล้ว เลยเขียนออกมาเป็นหนังสือเรื่อง The Dibbuk Box ซะเลย

7. แหวนของวาเลนติโน

 

 

Rudolph Valentino นักแสดงหนังเงียบของฮอลลิวูด เป็นคนซื้อแหวนวงนี้มาจากร้านเครื่องประดับในปี ค.ศ.1920 ซึ่งความ พิเศษของแหวนวงนี้ก็คือ มันประดับด้วยอัญมณีที่เรียกกันว่า “ตาเสือ” เมื่อเค้าซื้อมาก็เลยนำไปอวดเพื่อนๆ แต่เพื่อนกลับบอกว่าเห็น ภาพของวาเลนติโนที่ซีดเผือดและดูคล้ายคนตายบนแหวน!! ซึ่งก็ไม่มีใครเชื่อ แต่ลังจากนั้นภาพยนตร์ทุกเรื่องของเค้าก็ล้มเหลวทั้งหมด

 

และอีก 6 ปีต่อจากนั้นก็เสียชีวิตลง เหยื่อคนต่อมาของแหวนวงนี้ก็คือ Pola Negri คนรักของเค้านั่นเอง ที่มีอาการป่วยหนักจนทำงานไม่ได้ อีกคนก็คือ Russ Colombo นักแสดงที่มาแสดงเป็นวาเลนติโน่ และได้สวมแหวนวงนี้ ก็ถูกยิงภายในไม่กี่วัน นี่ยังไม่ใช่ทุกคนที่ตาย เพราะแหวนวงนี้..ปัจจุบันไม่มีใครรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน กับใคร?

6. กะโหลกกรีดร้องแห่งหอประชุม Burton Agnes

 

ในแถบสหราชอาณาจักร มีการบันทึกไว้ว่า หัวกะโหลกหลายชิ้นที่ถูกย้ายออกมาจากที่อยู่จะทำให้เกิดปรากฏการณ์ลึกลับที่เกี่ยวกับ วิญญาณและเสียงกรีดร้องที่ไม่สามารถอธิบายได้ หนึ่งในหัวกะโหลกกรีดร้องที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ หัวกะโหลกของ Anne ในหอประชุม Burton Agnes ก่อนที่เธอจะสิ้นใจเธอได้ขอร้องให้ทุกคนนำหัวของเธอมาไว้ที่นี่ แต่ตอนนั้นก็ไม่มีใครทำตามคำขอนั้น จนผ่านมาทุกคน ได้ยินเสียงร้องโหยหวน ครวญครางดังไปทั่วหอประชุม ญาติๆของเธอเลยไปดูที่หลุมฝังศพและนำส่วนหัวกะโหลกของเธอออกมา ไว้ในหอประชุม จึงพบว่าเสียงร้องนั้นหายไป ต่อมาหอประชุมนั้นก็ถูกสืบทอดไปเรื่อยๆ

และเมื่อไหร่ที่มีคนพยายามจะนำหัวกะโหลกออกไป ตึกก็จะสั่นรูปภาพทั้งหลายก็จะตกลงมา เลยทำการตกลงกันไว้ว่าว่าเก็บ หัวกะโหลกไว้ในตึกเหมือนเดิม แต่จะซ่อนไว้ในกำแพง

5. กระจกผีสิงที่ The Myrtles Plantation

 

เป็นสถานที่เกิดโศกนาฏกรรมของตระกูล Woddruff เรื่องเกิดขึ้นหลังจากที่ Chloe สาวใช้ดันไปได้ยินบทสนทนาลับของเจ้านาย จึงโดนลงโทษด้วยการถูกตัดหู และเมื่อเจ้านายใช้เธอไปทำอะไรก็ต้องทำ อย่างเช่นการวางยาพิษคนในบ้าน เพื่อให้ป่วย แต่เธอดันใส่ยา ไปเยอะเกิดไปเลยทำให้ภรรยา และลูกสาวทั้ง 2 คนต้องตาย เธอจึงโดนแขวนคอให้ตามตามไป

ซึ่งในสมัยก่อนมีประเพณีที่ว่าเมื่อในบ้านมีคนตายกระจกทุกบานจะถูกผ้าคลุมเอาไว้ ยกเว้น 1 บาน ที่ไม่ถูกคลุมเอาไว้ ซึ่งเป็นบานที่ สามารถมองเห็นวิญญาณแม่ลูกตระกูล Woodruff ซึ่งถูกขังไว้ในกระจก หรือไม่ก็สาวใช้ Chloe กับผ้าโพกสีเขียวที่เธอใช้เป็นประจำนั่นเอง

4. ภาพของปีศาจเจ้ารูปปีศาจ หรือ The Anguished Man

 

นี้เป็นมรดกตกทอดที่ Sean Robinson ได้รับมาจากยายของเค้า โดยตอนยังเด็กยายมักเล่าให้ฟังเสมอว่า ภาพนี้คือภาพปีศาจ เพราะศิลปินที่วาดนั้นใช้เลือดของตัวเองผสมลงไปในสี เมื่อวาดรูปนี้เสร็จก็ฆ่าตัวตาย ซึ่งบ่อยครั้งยายก็จะได้ยินเสียง คนร้องไห้ กรีดร้องออกมาจาในภาพ และแน่นอนว่าเมื่อ Sean ได้เป็นเจ้าของเค้าก็นำมันมาแขวนไว้ในบ้าน ต่อมาลูกชายก็ได้ตกบันได ภรรยาก็รู้สึกแปลกเหมือนมีใครมาลูบผม!! แต่ยังไงเค้าก็ยังไม่ยอมขายภาพนี้ให้ใครทั้งนั้น

3. เตียงสองชั้นผีสิง

 

ครอบครัว Tallman ได้ซื้อเตียงสองชั้นสุดหลอนนี้มาจากร้านขายของมือสอง เมื่อนำเข้ามาในบ้านเท่านั้นแหละ เรื่องประหลาด ก็เกิดขึ้นตลอดเวลาทั้งลูกๆเกิดป่วยอย่างไม่มีสาเหตุ วิทยุเปลี่ยนคลื่นเอง หรือการฝันเห็นแม่มดของเด็กที่นอนบนเตียงนั้น จึงได้ไปเชิญพระมาไล่ผี แต่ก็ทำให้บ้านสงบได้ไม่นาน หลังจากนั้นผู้เป็นพ่อก็ได้ยินเสียงเรียกแปลก เมื่อตามเสียงไปก็พบว่า ไฟกำลังไหม้รถ จึงรีบวิ่งไปหยิบถังดับเพลิง แต่เมื่อกลับมาก็พบว่ารถอยู่ในสภาพปกติ ทำให้เค้าตัดสินใจที่จะเผาเตียงนั้นทิ้ง ซึ่งหลังจากนั้นก็ไม่เกิดเหตุการณ์ประหลาดอีกเลย

2. ภาพวาดผีสิง

 

ในอีเบย์ภาพนี้ถูกประกาศขายในเว็บไซต์ eBay ในปี 2000 โดยสามีภรรยาคู่หนึ่งได้นำรูปนี้ไปติดไว้ในห้องนอนของลูกสาว ไม่นานลูกก็มาบ่นให้ฟังบ่อยๆว่าเด็กสองคนในภาพชอบออกมาทะเลาะกัน ตอนแรกพ่อแม่ก็ไม่เชื่อแต่นานๆเข้าก็เริ่มขนลุก จึงได้ติดกล้องที่สามารถตรวจจับความร้อนได้ จึงได้ภาพสุดหลอนเหมือนเด็กสาวกำลังใช้ปืนจี้เด็กชายอยู่!!

 

ด้วยความหลอนแบบนั้นจึงต้องนำออกมาขาย สุดท้ายมันก็ไปอยู่ในมือเจ้าของแกลเลอรี่ Perceptions ที่ได้ติดต่อ Bill Stoneham จิตรกรเจ้าของภาพมาสอบถาม จึงได้รู้ว่าจริงๆแล้วภาพนั้นคือตัวเขา กับเด็กสาว ข้างบ้านเมื่อตอนเยาว์วัย แต่ก็ยังงงๆว่าทำไมถึงกลายเป็นภาพหลอนไปได้

1. เก้าอี้แห่งความตาย

 

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 1702 เมื่อ Thomas Busby ถูกติดสินโทษประหารโดยการแขวนคอ ได้ขอให้อาหารมื้อสุดท้าย ของเค้าคือการนั่งทานอาหารในร้านประจำ ซึ่งเค้าได้พูดก่อนที่จะลุกจากเก้าอี้นั่นว่า “ใครมานั่งจะไม่ได้ตายดี” ทำเอาแต่ละคนต่างกลัวไม่กล้านั่ง แต่ผู้กล้าบางคนก็อยากที่จะท้าทายเลยไปนั่งดู

และแน่นอนว่าคนเหล่านั้นก็ตายตามที่ Thomas ได้บอกไว้จนได้เก้าอีกนั้นถูกขนานนามว่าเป็น Chair of Death เจ้าของร้านจึงส่งเก้าอี้นี้ไปให้พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นในปี 1972 นอกจากนั้นยังวางเก้าอี้ตัวนี้ให้สูงจากพื้นถึง 5 ฟุต เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีคนมานั่งอีกนั่นเอง

ที่มา: http://www.cmxseed.com/cmxseedforumn/index.php?topic=99227.0

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...