มนต์ขลังที่คุณไม่เคยเห็น ภาพเก่าแก่แห่งไอร์แลนด์ที่มีอายุกว่า 120 ปี!!

     ประเทศที่มีวิวทิวทัศน์สวยงาม เหมาะแก่การไปเยือนซักครั้งอย่างประเทศไอร์แลนด์มีอะไรให้เราค้นหามากมาย นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวประวัติศาสตร์แฝงอยู่ด้วย วันนี้หมีขาวจะพาชวนชมสถานที่สำคัญของประเทศไอร์แลนด์กัน ที่สำคัญคือ เป็นภาพที่มีอายุกว่า 120 ปีเชียวล่ะ…แล้วคุณจะรักประเทศนี้ขึ้นอีกเยอะเล้ย ^^

1. เมือง Antrim

Royal Avenue, Belfast

 

      ย่านช็อปปิ้งหลักๆของเมือง Belfast มักเป็นเป้าหมายยอดนิยมของกลุ่มก่อการร้าย IRA ในช่วงศตวรรษที่ 17-18 แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ตึกรามบ้านช่องส่วนใหญ่ในรูปยังคงตั้งตระหง่านจนถึงปัจจุบัน

Rustic Bridge in Glenariff

 

      ด้วยทัศนียภาพของต้นไม้และน้ำตกอันงดงามเกินบรรยาย วนอุทยาน Glenariff จึงเป็นที่ๆนักท่องเที่ยวนิยมมาเยี่ยมชมตลอดมา พื้นที่แถบนี้มีชื่อเล่นว่า “ราชินีแห่งหุบเขา” ซึ่งเป็นหุบเขาที่ใหญ่ที่สุดและสวยที่สุดของประเทศ

Carrick-a-Rede Rope Bridge

 

     เป็นอะไรที่น่าทึ่งเมื่อสะพานเชือกที่ใช้เชื่อมเกาะ Carrick กับฝั่งแผ่นดินหลักยังคงใช้งานได้อยู่ และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ จริงๆแล้วสะพานเชือกนี้ได้รับการปรับปรุงและออกแบบใหม่เป็นเวลาหลายปีเพื่อให้ปลอดภัยมากขึ้น

Portrush

 

     ชายทะเล Portrush ไม่ได้เป็นแค่จุดดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างเดียว แต่เป็นเมืองที่เป็นที่รู้จักในเรื่องของคลับเต้นรำที่มีมากมายหลายจุดรวมถึงสวนสนุก Barry ซึ่งเป็นสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดของไอร์แลนด์เหนืออีกด้วย

Giant’s Causeway

 

    ผลงานออกแบบจากธรรมชาติสุดพิสดารอันนี้เป็นผลมาจากการระเบิดภูเขาไฟในสมัยโบราณ ลาวาร้อนๆเย็นตัวลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งก่อให้เกิดรอยแตกลึกและใหญ่จนในที่สุดก็แตกลงมาเป็นแถวๆอย่างที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้

2. เมือง Wicklow

Vale of Avoca

 

    แม่น้ำ Avoca ไหลผ่านเขต County Wicklow ซึ่งเป็นเขตที่แม่น้ำเริ่มแยกออกเป็นสองสายแล้วไหลรวมกันเป็นสายเดียว เรียกจุดนี้ว่าหุบเขาแห่ง Avoca ตำแหน่งที่ตั้งแห่งนี้อยู่ในตัวเมือง Avoca

น้ำตก Poulaphouca

 

   ใจกลางของเขต County Wicklow ทั้งหมดตั้งอยู่บนภูเขา Wicklow ที่ถูกตกแต่งประดับประดาอย่างเป็นธรรมชาติด้วยแม่น้ำและน้ำตกอันงดงาม แต่น้ำตก Poulaphouca ปัจจุบันนี้ไม่มีให้เห็นอีกแล้ว เนื่องจากอ่างเก็บน้ำ Poulaphouca สร้างเสร็จในปี 1940

Bray

 

   ย้อนไปเมื่อกลางปี 1700 Bray เป็นหมู่บ้านประมงที่เงียบเหงา จนกระทั่งประชากรของเมือง Dublin เริ่มมองหาเมืองอื่นนอกจากเมืองที่เต็มไปด้วยฝูงชนของตนเอง ประชากรของเมืองนี้จึงเพิ่มขึ้นย่างรวดเร็วช่วงกลางปี 1800 Bray จึงกลายเป็นเมืองรีสอร์ทที่ติดอยู่ชายทะเลที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ

สะพาน The Dargle

 

   แม่น้ำ Dargle นี้มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Deargail แปลว่า จุดเล็กๆสีแดง แม้ว่าในภาพจะเห็นมันไม่ชัด แต่ชื่อนี้ถูกตั้งเพราะว่าก้อนหินส่วนใหญ่มีสีแดงอ่อนๆ

Enniskerry

 

   เมืองเล็กๆแห่งนี้มีประชากรราวๆ 2,500 คน แต่เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยวิวทิวทัศน์สวยงาม (เมืองนี้ตั้งอยู่ที่ตีนเขา Wicklow ) และอยู่ใกล้หมู่บ้าน Bray จึงทำให้เมืองนี้เป็นเมืองที่นิยมของนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี

3. เมือง Dublin

Shelbourne Hotel, Dublin

 

   โรงแรมแห่งนี้เปิดให้บริการในปี 1824 จนถึงปัจจุบัน โรงแรมแห่งนี้ได้มีส่วนเกี่ยวข้องที่สำคัญในประวัติศาสตร์อีกด้วย โดยในปี 1922 โรงแรมแห่งนี้ได้เป็นที่ประชุมของบรรดาผู้ร่างรัฐธรรมนูญชาวไอริช ณ ห้อง 112 ปัจจุบันเรียกห้องแห่งประวัติศาสตร์นั้นว่าห้องรัฐธรรมนูญ

St. Patrick’s Cathedral, Dublin

 

   ชื่อเรียกทางการของโบสถ์นี้คือ the Cathedral of the Blessed Virgin Mary and St. Patrick โดยค้นพบโบสถ์นี้ในปี 1191 ปัจจุบันจัดว่าเป็นมหาวิหารประจำชาติไอร์แลนด์ และถูกบันทึกไว้ด้วยว่าเป็นโบสถ์ที่สูงที่สุดของไอร์แลนด์ (140 ฟุต)

สวนสาธารณะ Phoenix , Dublin

 

   ดูๆแล้วเหมือนอนุสาวรีย์ Washington แต่ไม่ใช่ เสาหินสูงๆที่เห็นอยู่นี้คืออนุสาวรีย์ Wellington ตั้งอยู่ที่สวนสาธารณะ Phoenix เป็นอนุสาวรีย์ที่สูงที่สุดในยุโรป สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของ Arthur Wellesley ดยุกองค์แรกของ Wellington

4. เมือง Cork

Roches Royal Hotel, Glengarriff Harbor

 

    แม้ว่าโรงแรมแห่งนี้จะไม่ได้เปิดทำการแล้วก็ตาม แต่เมืองเล็กๆอย่างเมือง Glengarriff (ประชากรทั้งหมด 800 คน) ก็ยังเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมเยือนวิวชายทะเลที่ตกแต่งด้วยภูเขาสูงใหญ่เป็นคู่ๆสลับกันไปมา

อ่าว Glengarriff

 

   เมืองแห่งนี้ได้ชื่อว่าป่า Glengarriff แปลว่า “หุบเขาอันหยาบกร้าน” โดยในป่าแห่งนี้เป็นแหล่งของต้นไม่โอ๊คเก่าแก่ และต้นเบิช

ปราสาท Blackrock

 

   เดิมทีปราสาท Blackrock ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นป้อมปราการป้องกันพวกโจรสลัดและการข่มขู่คุกคามที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่ได้เกิดไฟไหม้ขึ้นในปี 1827 แต่ยังมีซากบางส่วนยังคงตั้งตระหง่านอยู่ แม้ว่าปราสาทแห่งนี้จะถูกใช้งานในหลายจุดประสงค์ก็ตาม ตอนนี้ก็ยังเปิดให้เป็นศูนย์ดาราศาสตร์เต็มรูปแบบแห่งแรกของไอร์แลนด์อีกด้วย โดยเปิดบริการให้แก่สาธารณะชนทั่วไป

5. เมือง Waterford

Dungarven Bridge and Harbor

 

   ชื่อภาษาเซลล์ของเมืองนี้คือ Dún Garbháin หมายถึงเซนต์ Garbhan ผู้สร้างโบสถ์ที่นี่เมื่อศตวรรษที่ 17 ปัจจุบันเมือง Dungarven เป็นศูนย์การปกครองของเขต Waterford

ท่าเรือ Waterford

 

   Waterfort เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในบรรดาเมืองของไอร์แลนด์ ก่อตั้งเมื่อปี 917 หนึ่งพันปีผ่านไป เมืองนี้ก็ยังเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของประเทศ และเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องของคริสตัล น่าเสียดายที่ โรงงาน Waterford Crystal ได้ปิดตัวลงในปี 2009 หลังจากที่เปิดทำการมากว่า 225 ปี แต่สภาแห่งเมือง Waterfort และทางหอการค้าได้เปิดศูนย์ Waterford Crystal ให้นักท่องเที่ยวได้มาเยี่ยมชมแทน

6. เมือง Kerry

ปราสาท Ross , Killarney

 

   ปราสาทอันต้องมนต์ขลังหลังนี้สมัยก่อนเป็นหนึ่งในฐานทัพที่แข็งแกร่งที่สุดของประเทศในปี 1400 และเคยถูกโจมตีจากสงครามสมาพันธรัฐไอร์แลนด์ในปี 1600 ปัจจุบันได้ทำการบูรณะและเปิดให้สาธารณะชนเข้าเยี่ยมชม

ที่มา: mentalfloss

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...