เปิดบันทึก...คดี ฆ่าหั่นศพรายแรกของไทย

 

 

ที่มาจาก >> เพจตำนาน คดีดัง
https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%84%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87/151226688371009

 

 

ใคร เลยจะคิดว่าทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น แบ่งซอยเป็นห้องเล็กๆ ให้เช่า เลขที่ 628/41 ซอยบุญพงศา 1 ตรงข้ามห้างสรรพสินค้าพาต้า ปิ่นเกล้า แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กทม.จะเป็นสุสานของ เสาวรส บุพนานนท์ อยู่นานกว่า 3 ปี


ทั้งที่ภายในบ้านมีผู้เช่าอาศัยอยู่ ไม่เคยว่างเว้น กระทั่งสองพี่น้องวัยเรียนคู่หนึ่งไปพบศพโดยบังเอิญ

"สมภพ กับ ธรสถิต เอี่ยมอุดม" สองพี่น้องวัย 18 และ 14 ปี ต้องทนสูดดมกลิ่นเน่าเหม็นจากซากศพอยู่นานนับเดือน หลังจากเช่าห้องพักเลขที่ 2 ชั้น 2 ของทาวน์เฮ้าส์เป็นที่พักระหว่างการศึกษาเล่าเรียนอยู่ในเมืองหลวง
ทั้ง สองพยายามเสาะหาที่มาของกลิ่นก็ไม่ พบ กระทั่งเช้ามืดวันที่ 19 กันยายน 2534 กลิ่นเน่าเหม็นตลบอบอวนจนนั่งไม่ติด สองพี่น้องจึงช่วยกันค้นหาอีกครั้ง กระทั่งมาสะดุดตรงหน้าประตูห้องเช่าเลขที่ 3 ถัดจากห้องเขาออกไปเพียงผนังกั้น โดยห้องนี้ถูกปิดตายมาตั้งแต่แรกที่เด็กหนุ่มเข้าพัก กลิ่นโชยออกมาตามรอยแตกกรอบประตู ทำให้รู้ได้ทันทีว่าต้นตอของกลิ่นมาจากห้องนี้อย่างแน่นอน

สอง พี่น้องตัดสินใจงัดประตูเข้าไปกลิ่นเหม็นโชยมา ปะทะใบหน้าจน ต้องเบือนหนี เมื่อตรวจสอบหาที่มาก็พบว่ามาจากถังน้ำพลาสติกสีดำขนาดใหญ่มุมห้อง ทันทีที่ฝาถูกเปิดออก กระดูกมนุษย์ที่ถูกตัดเป็นท่อนๆ ก็ลอยพ้นน้ำสีเข้มส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ

เมื่อ ควบ คุมสติได้แล้ว สมภพและธรสถิตจึงวิ่งไปบอกผู้จัดการบริษัทเฟิร์สการ์ดซิสเต็มไฟเออร์ จำกัด แล้วประสานไปยัง ร.ต.อ.นนท์ นุ่มบุญนำ ร้อยเวร สน.บางยี่ขัน เดินทางมาตรวจสอบ พร้อมด้วย พล.ต.ต.บุญชอบ พุ่มวิจิตร ผู้บังคับการตำรวจนครบาลธนบุรี พ.ต.ท.เสนาะ อ่อนศรี และ พ.ต.ท.ประพนธ์ แกลโกศล

ถังน้ำขนาดใหญ่ถูกลำเลียงลงมา ชั้นล่าง จากการตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่า ภายในมีชิ้นส่วนมนุษย์ถูกหั่นแบ่งเป็น 9 ท่อน ตั้งแต่ศีรษะไล่ลงไปจรดปลายเท้า เหลือเพียงเศษหนังแห้งกรังหุ้มกระดูก

ตำรวจ ตรวจค้นห้องเช่าเลขที่ 3 อย่างละเอียดพบจดหมายเขียนด้วยลายมือ มีข้อความลักษณะคล้ายหนังสือสัญญา ทำขึ้นระหว่างสามีและภรรยา จับใจความได้ว่า ภรรยาต้องเลิกพฤติกรรมเจ้าชู้ !?!

พ.ต.ท. ประพนธ์ พร้อมด้วย พ.ต.ท.เสนาะ ได้รับมอบหมายให้ทำคดี จากการตรวจสอบพบว่าเดิมทาวน์เฮ้าส์เป็นบ้านของ พ.อ.สุทัศน์ วงศ์บุญมาก นายทหารวัยใกล้เกษียณ บก.สส. ซึ่งได้ย้ายออกไปนานแล้ว และแบ่งซอยเป็นห้องเล็กๆ ให้คนเช่า พนักงานสอบสวนจึงเชิญ พ.อ.สุทัศน์ มาให้ข้อมูลจึงทราบว่าห้องหมายเลข 3 มี

"ปรีชา ฉัตรชัยสกุล" วัย 39 ปี พนักงานขายประกัน บริษัทประกันชีวิตชื่อดังแห่งหนึ่ง เช่าอาศัยอยู่กับครอบครัวมานานหลายปี

ปรีชาเช่า ห้องอยู่กับ "เทียมตา ปัญจบุรี" ภรรยาวัย 37 ปี และบุตรสาวอีก 2 คนมานานหลายปี ก่อนหน้านี้ทั้งคู่ยึดอาชีพขายโจ๊กกับต้มเลือดหมูอยู่ริมฟุตบาทตรงข้ามห้าง สรรพสินค้าพาต้า ปิ่นเกล้า กระทั่งปลายปี 2531 ปรีชาได้ย้ายออกไปอยู่ที่อื่น เลิกขายโจ๊กหันไปยึดอาชีพนายหน้าขายประกันชีวิตแทน ส่วนเทียมตาไม่มีใครพบเห็นอีก

แม้ จะย้ายออกไปแล้ว แต่ปรีชาก็เช่าห้องไว้ โดยจะนำเงินค่าเช่าไปจ่ายให้เจ้าของบ้านเป็นประจำทุกๆ 3 เดือน เจ้าของบ้านคิดว่าเช่าไว้เก็บสิ่งของ จึงไม่ได้สนใจตรวจสอบ

หลัง จากทราบข้อมูลตำรวจสันนิษฐานว่า ศพที่พบอาจจะเป็นเทียมตา เนื่องจากการสอบปากคำเพื่อนบ้านใกล้เคียงทราบว่า ก่อนจะหายตัวไปสองสามีภรรยามีเรื่องทะเลาะวิวาทกันอย่างรุนแรง

แต่ ข้อสันนิษฐานของตำรวจกลับตาลปัตร เมื่อจับกุมปรีชาได้ขณะนอนหลับพักผ่อนอยู่ภายในห้องเช่าแห่งหนึ่งย่านพรานนก ตอนสายวันที่ 20 กันยายน 2534 เพียงวันเดียวหลังจากพบศพ ปรีชาสารภาพกับตำรวจโดยไม่สะทกสะท้านว่า เป็นคนฆ่าหั่นศพจริง แต่ไม่ใช่เทียมตาภรรยาของเขา เป็น "เสาวรส บุพนานนท์" พี่สาวแท้ๆ ของเขาเองวัย 42 ปี เมื่อวันที่ 3 ต่อเนื่องวันที่ 4 ธันวาคม 2531 หรือราว 3 ปีก่อนพบศพ

แล้วคำสารภาพก็พรั่งพรูออกจากปากของ ปรีชา

...คืน เกิดเหตุที่ห้องหมายเลข 3 มีเพียงปรีชาและลูกๆ อีก 2 คน ส่วนเทียมตาถูกไล่กลับไปอยู่ที่ จ.ลำพูน บ้านเกิดนานมาแล้ว หลังจากปรีชาจับได้ว่ามีพฤติกรรมนอกใจ เขาให้ลูกๆ นอนอยู่ในห้อง ส่วนตัวเองหลอกพี่สาวมาดื่มเหล้าที่ระเบียงห้อง เมื่อเมาจนได้ที่จึงลงมือบีบคอจนแน่นิ่ง แล้วลากเข้าไปในห้องน้ำ จับกดน้ำจนแน่ใจว่าเสียชีวิตแล้ว จึงนำเสื้อกันฝนมาห่อศพยัดใส่ตู้เสื้อผ้าไว้

เช้า วัน ต่อมาปรีชาพาลูกไปส่งโรงเรียน โดยกำชับว่าหลังเลิกเรียนให้ไปนอนที่บ้านย่า หลังจากนั้นปรีชาได้ย้อนกลับมาที่ห้องเช่า เพื่อหั่นศพแยกชิ้นส่วน เขาลงมือผ่าท้องเลาะเอาอวัยวะภายในใส่ถุงพลาสติกไปทิ้งที่กองขยะย่านพรานนก ส่วนชิ้นส่วนอื่นๆ ใช้มีดอีโต้สับเป็น 9 ท่อน ทิ้งลงถังน้ำขนาดใหญ่ แล้วใช้น้ำยาดับกลิ่นเทราดบนชิ้นเนื้อ จากนั้นจึงเก็บข้าวของเครื่องใช้ย้ายออกจากห้องพัก

ส่วน สาเหตุการฆ่าหั่นศพครั้งนี้ เกิดจากปรีชาโกรธแค้นที่พี่สาวคิดจะฮุบกิจการโรงน้ำแข็งของครอบครัว อีกทั้งยังเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ครอบครัวของเขาต้องแตกแยก ปรีชาเคยให้การไว้ว่าเขารับไม่ได้ที่พี่สาวทำตัวเหลวแหลก ภายหลังพี่เขยตายไป แถมยังชวนเทียมตาไปเที่ยวเตร่ด้วย คืนเกิดเหตุเขาชวนพี่สาวมาที่บ้านเพื่อพูดคุยถึงเรื่องเหล่านี้ แต่กลับถูกด่าว่าอย่างหยาบคายจึงบีบคอและจับกดน้ำ แล้วลงมือหั่นศพทำลายหลักฐาน
หลัง ก่อเหตุสยองปรีชายังคงวนเวียนไป ตรวจสอบความเรียบร้อยในห้องพัก ที่เขาใช้เป็นสุสานเก็บศพพี่สาวอยู่เป็นประจำตลอด 3 ปี โดยไม่มีใครเอะใจสงสัย กระทั่งศพร้องขอความเป็นธรรม กลิ่นลอยไปแตะจมูกสองเด็กหนุ่มที่เข้ามาเช่าห้องพักข้างเคียง

ปรีชา เป็นฆาตกรฆ่าหั่นศพในยุคแรกๆ ต่อมามีคดีลักษณะนี้เกิดขึ้นตามมาบ่อยครั้ง โดยเฉพาะที่ครึกโครมที่สุด คือ คดีฆ่าหั่นศพ "พญ.ผัส พร บุญเกษมสันติ" โดยผู้ลงมือคือสามีแท้ๆ ของเธอเอง "นพ.วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ" นั่นเอง

นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต ระบุว่า ผู้ต้องหาที่มีพฤติกรรมการก่อเหตุรุนแรง ด้วยการฆ่าหั่นศพบุคคลใกล้ชิด โดยเฉพาะสมาชิกภายในครอบครัวได้ ต้องได้รับการตรวจดูอาการอย่างละเอียดจากผู้เชี่ยวชาญ เพราะคนเหล่านี้อาจป่วยด้วยอาการทางจิต

ผู้ ต้องหา ที่ก่อเหตุฆ่าชำแหละศพได้ โดยทั่วไปแล้วจะมีพฤติกรรมชอบความรุนแรง มีนิสัยหุนหันพลันแล่นและก้าวร้าว เป็นคนต่อต้านสังคม ไม่ไว้ใจบุคคลอื่น มีบุคลิกภาพแปรปรวน พร้อมที่จะใช้ความรุนแรงก่อเหตุต่างๆ ได้โดยไม่มีการยับยั้งชั่งใจ โดยพื้นฐานของปัญหาเกิดจากสภาพครอบครัว และการดูแลเลี้ยงดูในวัยเด็ก อาจมีปัญหาครอบครัวแตกแยก ขาดความอบอุ่น หากผู้ต้องหาคดีประเภทนี้ไม่ได้รับการบำบัดรักษา หรือผ่านการฝึกอบรมการควบคุมภาวะทางจิต เมื่อพ้นโทษออกมาอาจก่อคดีในลักษณะเดิมซ้ำได้อีก
"ก่อนการ ปล่อยตัวผู้ต้องหาคดีประเภทนี้ ควรนำไปฝึกอบรมการควบคุมภาวะจิตใจ ต้องฝึกให้รู้จักคิดและยับยั้งชั่งใจให้ได้ รวมทั้งต้องละลายพฤติกรรมการต่อต้านสังคม เพื่อให้มั่นใจว่าเขาจะไม่ก่อเหตุซ้ำอีก"

รอง อธิบดี กรมสุขภาพจิต กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันน่าเป็นห่วงสังคมไทย เพราะคนในชาตินิยมความรุนแรงมากขึ้น สังเกตได้จากปรากฏการณ์ทางสังคมที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้ แค่ความขัดแย้งทางความคิด ที่ต่างฝ่ายต่างเห็นแตกต่างกัน ก็เกิดปัญหาการทะเลาะวิวาทกันอย่างรุนแรง บางรายถึงกับฆ่ากันตาย ทั้งที่เรื่องความขัดแย้งที่เป็นชนวนเหตุของปัญหาไม่ได้มีที่มาจากปัญหาของ ตัวเอง

 


ที่มาจาก >> เพจตำนาน คดีดัง
https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%84%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87/151226688371009

 

#เปิดบันทึกคดีดัง
THEPOco
เจ้าของบทประพันธ์
สมาชิก VIPสมาชิก VIPสมาชิก VIP
11 ส.ค. 58 เวลา 17:14 2,597 20
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...